9 ทหารเอาใจ แม้ว โผล่! แจ้งจับ สนธิ อ้างหมิ่นเบื้องสูง
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2549 12:56 น.
9 นายทหารรุ่น ตท.17, 18 และ 20 เดินทางพบ โกวิท เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อ สนธิ ลิ้มทองกุล อ้างให้สัมภาษณ์หมิ่นเบื้องสูง ย้ำมาในฐานะประชาชน ปัดใบสั่งการเมือง ขณะที่ โกวิท ลงทุนมารับเรื่องด้วยตนเอง บอกจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.สุรสิทธิ์ ถาวร ผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย นายทหารจากกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองทัพบก รวม 9 นาย ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนายทหารรุ่น ตท.17, 18 และ ตท.20 ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรณีที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ปีที่ 5 ฉบับที่ 1621 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2549 หน้า 18 ลงตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัติย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา
โดย พล.ต.สุรสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมาแจ้งความร้องทุกข์ในฐานะประชาชน เนื่องจากหลังทราบว่า กรณีที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ลงตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ซึ่งมีข้อความน่าจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และในฐานะที่ตนเป็นทหารที่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนทหาร จึงมายื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีต่อ นายสนธิ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.สุรสิทธิ์ กล่าวว่า การแจ้งความในวันนี้ตนได้มอบเอกสารหลักฐาน และซีดีบันทึกคำให้สัมภาษณ์ของนายสนธิที่ได้มาจากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม โดย พล.ต.สุรสิทธิ์ อ้างว่าตรงกับที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึกลงตีพิมพ์
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของทหารในครั้งนี้ทำตามคำสั่งของใครหรือไม่ พล.ต.สุรสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมาในฐานะประชาชน และไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจาก ตนเป็นรุ่นน้องหลายปี อีกทั้งก็ไม่ได้ทำตามใบสั่งของใคร
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ซึ่งครั้งนี้ลงมารับเรื่องด้วยตนเอง เปิดเผยว่า ตำรวจจะทำคดีอย่างรอบคอบไปตามพยานหลักฐาน และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ที่ผ่านมามีประชาชนได้มาแจ้งในเรื่องเดียวกัน ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ไปแล้ว โดยมี พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งกรณีนี้ ก็เป็นกรณีเดียวกัน โดยตำรวจจะดำเนินการอย่างดีที่สุด และระหว่างนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างรอบรวมพยานหลักฐาน หากมีความคืบหน้าอย่างไร ก็จะแจ้งให้ทราบ ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.โกวิท ยังเปิดเผยถึงกรณีที่หากมีประชาชนผู้เสียหายเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมประท้วงหน้าสยามพารากอน และหน้าสำนักงาน กกต.ว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ สน.ปทุมวัน รวบรวมข้อมูลหลักฐานก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
สำหรับคดีที่มีการกล่าวหานายสนธิ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 214/2549 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยหนังสือดังกล่าว อ้างว่าด้วยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือลับด่วนที่สุด ที่ มท.0208.2/1176 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย กรณีบทสัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ปีที่ 5 ฉบับที่ 1621 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2549 หน้า 18 ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัติย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา และนายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ กับพวก ได้มีหนังสือลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในกรณีดังกล่าวด้วย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ประกอบกับมีเหตุเกิดได้หลายท้องที่ และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฎีกาโอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2541 มาตรา 8 มาตรา 9 และข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ.2523 ข้อ 2.5 แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2536 ข้อ 3 จึงแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้
พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน, พล.ต.ต.วิเชียร สิงห์ปรีชา รอง ผบช.ก.เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ส่วนชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ประจำ ตร., พ.ต.อ.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบก.ป., พ.ต.อ.กฤษฎิ์ เปียแก้ว รองผบก.น.3, พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ผกก.1 บก.ปท., พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.3 ป., พ.ต.อ.ศักดิภัท เชาวน์ลักษณ์สกุล ผกก.กองนิติการ, พ.ต.อ.อดิศร สอาดพรรค ผกก.2 บก.ส., พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ศาสนอนันต์ ผกก.อก.4 บก.ส., พ.ต.ท.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ รอง ผกก.อก.บก.ส., พ.ต.ท.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผกก.4 ป., พ.ต.ท.จาตุรนต์ ทัศน์เอี่ยม พนักงานสอบสวนกองปราบ และ พ.ต.ท.โกมล สืบจากลี พนักงานสอบสวน กองปราบ, พ.ต.ท.มนูญ สายพิม พนักงานสอบสวนกองปราบ, พ.ต.ต.ธรรมภณ วงศ์จันทร์เพ็ญ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ และ ร.ต.ท.ศานุวงศ์ คงคาอินทร์ พนักงานสอบสวนกองปราบ
โดยให้เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ผู้รับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ร่วมทำการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสอบสวนพบว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำความผิดด้วย หรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับคดีนี้ ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นๆ ด้วย แล้วให้รายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
อนึ่ง ในการสอบสวนให้พนักงานสอบสวนพึงระมัดระวังเรื่องอำนาจการสอบสวน โดยจะต้องให้มีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจทำการสอบสวนร่วมในการสอบสวนด้วยทุกครั้ง โดยคำสั่งมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 มีนาคม 2549 ลงชื่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ