พิพากษาประหารหนุ่มจยย.รับจ้างฆ่าข่มขืนนร.ม.1

"ศาลสั่งประหาร หนุ่มวินฆ่าข่มขืน ชิงทรัพย์โหด นร.ม.1"



ศาลพิพากษา ประหารหนุ่ม จยย.รับจ้างฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์ นร.ม.1 ให้ไปส่งบ้าน

แต่ขี่รถออกนอกเส้นทางมีดจี้บังคับสาวเคราะห์ร้ายขัดขืนเลยถูกมีดจ้วงแทงดับอนาถ อ้างเป็นบ้าแต่ฟังไม่ขึ้น แถมต้องชดใช้เงินค่าเสียหาย 6 แสนให้แม่คนตายด้วย

(2พค.) ศาลมีคำพิพากษาคดี

ความผิดต่อชีวิตที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศิริมงคลหรือเต่า เรือนนาค อายุ 34 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 8 / 13 หมู่ 13 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.

เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

,ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้อาวุธ, ข่มขืนหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 49 ระบุความผิดสรุปว่า

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 49 เวลาประมาณ 20.00 น.

จำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาว 7 นิ้วจี้บังคับใช้กำลังประทุษร้ายข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.หนิง(นามสมมติ) อายุ 15 ปีเศษนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง

และชิงเอาทรัพย์สินเป็นกระเป๋านักเรียน

และกระเป๋าเงินรวมมูลค่า 550 บาท ของ แต่ผู้ตายขัดขืนจำเลยจึงใช้มีดจ้วงแทงบริเวณร่างกาย 5 แผลจนถึงแก่ความตาย ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ทะเบียน ยบบ.328 หลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณหลังหมู่บ้านริมสวนฟ้าใส แขวงสีกัน เขตดอนเมือง วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมืองติดตามจับกุมจำเลยได้



ทางพิจารณารับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า

หลังโรงเรียนเลิกผู้ตายได้โทรศัพท์บอกกับมารดาว่าจะ ไปช่วยงานศพยายของเพื่อนที่วัดเขียนเขต ต.คลองสี่ อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ก่อน กระทั่งผู้ตายเดินทางจากวัดเขียนเขตมา

ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณ

สี่แยกประชาอุทิศเพื่อกลับเข้าบ้านโดยมีจำเลยเป็นผู้ขับราคา 40 บาท แต่จำเลยขี่รถจักรยานยนต์ออกนอกเส้นทางถึงที่เกิดเหตุ และใช้อาวุธมีดจี้บังคับผู้ตายก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว

จำเลยให้การรับสารภาพทุกข้อหา

ยกเว้นข้อหาข่มขืนกระทำชำเราโดยอ้างว่า จำเลยมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเคยเข้ารับการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา ก่อนเกิดเหตุก็ได้ร่วมกับเพื่อนที่วินรถจักรยานยนต์ดื่มสุราตนอาการทางประสทกำเริบ

และคิดว่าผู้ตายจะล่อลวงมาชิงทรัพย์

จึงเกิดการต่อสู้ จากนั้นก็จำเหตุการณ์ไม่ได้มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อผู้ตายนอนกระโปรงเปิด จำเลยถือมีดอยู่ในมือเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือด

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐาน

ที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะขี่รถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุเพื่อต้องการข่มขืนกระทำชำเราและชิงทรัพย์ผู้ตาย ที่จำเลยอ้างว่า ผู้ตายจะล่อลวงมาชิงทรัพย์นั้น



หากจำเลยจะขี่รถหลบหนีก็ย่อมทำได้

ข้ออ้างจำเลยไม่สมเหตุผล นอกจากนี้ที่จำเลยอ้างว่า มีอาการทางประสาทกำเริบก็มีเพื่อนของจำเลยที่วินจักรยานยนต์เบิกความยืนยันว่า จำเลยดื่มสุราเพียงแก้วเดียวเท่านั้นเจือสมกับคำเบิกความของแพทย์

ซึ่งระบุว่า การดื่มสุราเพียงแก้วเดียว

ไม่ทำให้อาการประสาทกำเริบ และไม่สูญเสียความสามารถ ส่วนที่ไม่พบน้ำอสุจิในช่องคลอดของผู้ตายก็เป็นไปได้ว่าที่จำเลยจะหลั่งภายนอก หรือสวมถุงยางอนามัย

ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอย ๆ

ไม่สมเหตุผล ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้จริง

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม

ผิดกำหาบยหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยตนโดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

พิพากษาให้ประหารชีวิต .

และให้จำเลยชดใช้เงินค่าขาดไร้ผู้อุปการะ ,ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 แก่มารดาผู้ตายตามที่ร้องขอด้วย



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์