"ประภัสร์" เตรียมถอนฎีกา หลังศาลสั่งชดใช้เงิน 4 ล้านบาทเหยื่อสาวปริญญาโทถูกลูกจ้างข่มขืนบนตู้นอนรถไฟ เมื่อปี 44
จากคดีผู้โดยสารสาวนักศึกษาปริญญาโทถูก นายณัฐภัทร หรือ ฤทธิเดช จักรไชย ลูกจ้างการรถไฟแห่งประเทศไทยในขณะนั้น ใช้กำลังเข้าปลุกปล้ำใช้มือบีบคอชกต่อยทุบต้นขา แล้วข่มขืนกระทำชำเราบนตู้นอนชั้นสอง สายใต้จากสุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ช่วงกลางดึก ขณะเดินทางไปทำงาน เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2544 นอกจากนี้ยังกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้เสียหายจนไม่สามารถลงจากรถไฟได้ ภายหลังผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา แต่เขาให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี โดยอ้างว่าผู้เสียหายยินยอมหลับนอนกับเขาเอง
ต่อมาปี 2551 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายเป็นบุคคลที่มีการศึกษาสูงถึงปริญญาโท
ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งถึงระดับผู้จัดการ มีอนาคตก้าวหน้าอีกทั้งมีคนรักอยู่แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จำเลยกล่าวอ้างและฎีกาว่าเป็นการสมยอมและสมัครใจ ศาลจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คือ ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 ปี ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ
จากนั้นทางผู้เสียหาย ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับการทางรถไฟแห่งประเทศไทยมูลค่า 18 ล้าน ก่อนศาลจะตัดสินให้การทางรถไฟฯ ชดใช้เป็นเงิน 4 ล้านบาท แต่การทางรถไฟฯ ไม่ยอมจ่าย พร้อมกับยื่นฎีกา
ทั้งนี้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวในรายการทีวีช่องหนึ่งว่าเรื่องดังกล่าวตนเพิ่งจะทราบเรื่อง และจะนำเรื่องเข้าสู่บอร์ดบริหาร เพื่อประชุม ก่อนจะให้ถอนฎีกา และสั่งให้ชดเชยเงินตามที่ศาลได้ตัดสิน เพื่อเป็นการเยียวยากับเหยื่อโดยเร็วที่สุด "ขอรับรองว่าเรื่องนี้จะต้องจบโดยเร็วที่สุด" นายประภัสร์ กล่าวยืนยัน.