ประกาศให้ ชุมชนไผ่เขียว เป็นชุมชนปลอดยาเสพติด

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายนที บ่อสุวรรณ รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา

พ.ต.อ.ธวัชชัย เกิดโภคทรัพย์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา นายวีรชัย นาคมาก นายอำเภอบางปะอิน และนายสุโชติ อัศวโนดม นายกเทศมนตรีเทศบาลพระอินทราชา เป็นประธานในพิธีประกาศให้ “ชุมชนไผ่เขียว”หมู่ 6 พัฒนา เทศบาลพระอินทราชา ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาเป็น “ชุมชนสีขาวปลอดยาเสพติด”อย่างสมบูรณ์ หลังถูกขึ้นบัญชีเป็นชุมชนแพร่ระบาดสูงสุดในพื้นที่ภาค 1
 
โดยมีพิธีมอบ “ธงพลังแผ่นดิน” ให้กับผู้นำชุมชน รวมทั้งนำเด็กและเยาวชนในชุมชนร่วมกันปฏิญาณตนไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด

มอบประกาศนียบัตรให้กับผู้ผ่านการบำบัดที่หายขาดในรุ่นสุดท้าย 7 คน และมอบโล่ขอบคุณให้กับผู้ที่ได้ร่วมกันดำเนินการตามโครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ชุมชนไผ่เขียวมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นเวลานาน สำนักงาน ป.ป.ส.
 
จึงได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่โดยร่วมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเปิด “โครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน”เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2555 โดยใช้เวลาดำเนินการที่ผ่านมาตลอด 1 ปี 9 เดือน มีผลทำให้ชุมชนไผ่เขียวเป็นชุมชนสีขาวปลอดจากยาเสพติดได้อย่างแท้จริง ในขณะที่ผู้นำชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้านก็ได้ช่วยกันอย่างเต็มที่ มีกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันให้อย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้เข้าไปเป็นผู้เสพหรือ นักค้าหน้าใหม่ในชุมชน มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในพื้นที่ และจุดเสี่ยงต่างๆ รวม 32 จุด เพื่อเฝ้าระวังพร้อมทั้งจัดสายตรวจชุมชนช่วยลาดตระเวนดูแลพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
 
ในวันนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้มอบธงพลังแผ่นดินให้ปรากฏแก่ทุกคน และรับผู้ผ่านการบำบัดและหายขาดรุ่นสุดท้าย จำนวน 6 คน กลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว

เป็นครอบครัวอุ่นใจ กลับเข้ามาอยู่อาศัยในชุมชนท่ามกลางการต้อนรับของทุกคน ส่วนเด็กและเยาวชนทั้งหมดที่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็จะเติบโตเป็นอนาคตที่สำคัญของชุมชนและสังคมต่อไป ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยังคงติดตามดูแลและช่วยเหลือการทำงานของชุมชนอย่างใกล้ชิด

สำหรับนายชาญชัย ประสมศิล หรือ “จิ๊ป ไผ่เขียว” น้องชายของ “โจ๊ก ไผ่เขียว” ปัจจุบันถูกฟ้องในข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายอยู่ 2 คดี

โดยศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 2 คดี ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องไว้ในเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท ส่วนกลุ่มพ่อค้าในชุมชนที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของศาล โดยตัวผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา.