เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เม.ย. พ.ต.ท.ประสาน อินนาคกูล สารวัตรเวรสภ.อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
รับแจ้งจากนางเฉลิม ดอนวุ้น อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 14 ต.นาบัว อ.นครไทย ให้ติดตามจับกุมนายบัญญัติ สิงห์จันทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 4 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ลูกเขยตนเองข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
นางเฉลิมให้การว่า ตนมีลูกสาว 1 คน
คือน.ส.ศิริวรรณ จำปาทอง อายุ 26 ปี ต่อมาลูกสาวรู้จักคบหากับนายบัญญัติ ซึ่งอ้างว่ามีอาชีพขายปุ๋ย อยู่ที่อ.เมืองพิษณุโลก กระทั่งนายบัญญัติมาพูดจาสู่ขอบุตรสาว ตนเห็นว่าทั้งสองคนรักชอบพอกัน
จึงยินยอมยกลูกสาวให้
โดยเรียกค่าสินสอดเป็นเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ทองคำหนัก 10 บาท และจัดงานแต่งงานเมื่อวันที่ 22 เม.ย. โดยนายบัญญัตินำเช็คเงินสดธนาคารกรุงเทพ สาขาพิษณุโลก จำนวน 1 แสนบาท
พร้อมสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ 3 เส้น
น้ำหนักรวม 10 บาทมามอบให้ ส่วนค่าใช้จ่ายในวันงานแต่งงาน ฝ่ายตนออกเงินสดจัดงานอย่างใหญ่โต มีแขกมาร่วมพิธีจำนวนมาก
แจ้งจับลูกเขยแสบจ่ายเช็คเด้งขอลูกสาว
นางเฉลิมกล่าวต่อว่า หลังจากงานแต่งงานผ่านไป
โดยเรียบร้อย ตนนำเช็คเงินสด 1 แสนบาทที่นายบัญญัติมอบให้เป็นค่าสินสอดไปขึ้นเงินที่ธนาคาร แต่ปรากฏว่าเป็นเช็คเด้ง ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีตามที่ระบุไว้ เมื่อนำสร้อยทองคำจำนวน 10 บาท
ที่นายบัญญัติให้มาไปให้ร้านทองในตลาด
อ.นครไทยตรวจสอบ พบว่าเป็นสร้อยทองปลอม จึงทราบว่าตัวเองและลูกสาวถูกหลอก จากนั้นไปปรึกษากับญาติๆ ก่อนเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายบัญญัติ
พ.ต.ท.ประสานกล่าวว่า
จากการตรวจสอบประวัตินายบัญญัติ พบว่าเมื่อปี 2548 เคยถูกผู้เสียหายแจ้งจับคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วในพื้นที่อ.นครไทย ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามจับกุม แต่ก็มาก่อเหตุอีก
เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้
มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เนื่องจากความอับอาย เบื้องต้นทราบว่านายบัญญัตินำทรัพย์สินที่ได้จากงานแต่งงานหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว จะได้เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด