ตร.ตามถึงบ้านแม่ทุบตีลูก-เหตุขายของไม่ได้ หลังคลิปว่อนเน็ต

ตร.ตามถึงบ้านแม่ทุบตีลูก-เหตุขายของไม่ได้ หลังคลิปว่อนเน็ต เจ้าตัวหอบเด็กหนี!!

 จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปวิดีโอ ภาพเหตุการณ์มีผู้หญิงคนหนึ่งด่าทอ ฉุดกระชาก ทุบตี เด็กชายวัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายอย่างรุนแรง ส่วนเด็กร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด และมีท่าทีหวาดกลัวผู้เป็นแม่ เมื่อผู้เป็นแม่เรียกให้เข้ามาหา ได้แต่พูดว่า “หนูรักแม่” สาแหตุเพราะขายพวงกุญแจให้กับนักท่องเที่ยวไม่ได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณวิหารพระมงคลบพิตร ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ทนเห็นพฤติกรรมรุนแรงไม่ได้ ได้ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้แล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ก มีการแชร์ขยายวงกว้าง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือเด็ก และหาทางแก้ไข

 ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา
 
นายวิชญพร ไชยรัตนะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เดินทางเข้าตรวจสอบที่บ้านพักของสองแม่ลูกที่ปรากฎในคลิปวิดีโอ ที่บ้านไม่มีเลขที่ ม.2 ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าเป็นบ้านไม้สภาพเก่าทรุดโทรมอย่างมาก แต่ไม่พบตัวสองแม่ลูกภายในบ้าน และได้ไปตรวจสอบที่วิหารพระมงคลบิพตรก็ไม่พบตัว

 นางเพลินจิต น้อยรังสี อายุ 59 ปี เพื่อนบ้านของสองแม่ลูก กล่าวว่า ปกติบ้านหลังนี้จะอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก
 
เด็กที่ปรากฏในคลิปชื่อ น้องเอ (นามสมมติ) ส่วนแม่ คือ นางแก้ว ก่อนหน้านี้นางแก้ว จะทำงานโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนพ่อมีอาชีพรับจ้าง มาระยะหลังแม่น้องบาสตกงาน ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะพาน้องบาสออกไปขายพวงกุญแจที่บริเวณวิหารพระมงคลบพิตร และช่วงกลางคืนจะพาไปขายตามร้านอาหารเป็นประจำทุกวัน จะกลับมาช่วงเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม

 เด็กเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนคลองสระบัว ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง เห็นตีลูกที่บ้านแต่ก็ไม่รุนแรง เท่าที่เห็นในคลิปวิดีโอ รู้สึกเสียใจอย่างมาก ตนเคยรับจ้างเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก สงสารมาก นางแก้วและน้องเอ ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากที่รู้ว่าปรากฎภาพอยู่ในคลิป

 พล.ต.ต.เสริมคิดกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่ได้จะเข้ามาจับกุมแต่อย่างใด

จะเข้ามาหาทางแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือ เพราะการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก จะทำให้เด็กจดจำการที่ถูกระทำรุนแรงไปกระทำต่ออีก ขยายวงกว้างไปในสังคมส่วนรวม จึงต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา ว่า สาเหตุของการทำความรุนแรงมาจากอะไร  การแก้ไขปัญหาการนำเด็กออกมาขายของตามสถานที่ต่างๆ ในเวลากลางวันและกลางคืน จะต้องเป็นความสมัครใจของเด็กด้วย และต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะเด็กในวัยนี้น่าจะมีหน้าที่เรียนหนังสือมากกว่า   

 นายวิชญพร กล่าวว่า จะต้องติดตามตัวมาสอบสวน ว่าผู้เป็นแม่สามารถดูแลเลี้ยงดูลูกได้หรือไม่

เพราะดูจากสภาพครอบครัวน่าจะเกิดจากปัญหาความยากจนแล้วเกิดความเครียด จึงได้กระทำความรุนแรงกับเด็ก หากยังสามารถดูแลเด็กได้ จะต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน บันทึกเอาไว้ หากยังกระทำอีกต้องดำเนินการใช้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ดำเนินคดี ต่อไป