ศาลอนุมัติหมายจับ 'โรส' หมิ่นเบื้องสูง ตร.ตั้งชุดติดตามผู้ต้องหา ม.112 สั่งเร่งรัดสืบสวนดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด คาดโทษทุกระดับชั้นหากปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง
เป็นประธานการประชุมเร่งรัดติดตามความคืบหน้ากรณีบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.ช่วยราชการ บช.น. พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ตัวแทนกองปราบปราม กองต่างประเทศ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าร่วมประชุม
เพื่อวางแนวทางการปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกันทุกหน่วย โดยเฉพาะ บช.ที่ต้องรับผิดชอบ หรือมีการรับแจ้งความให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดในคดีหมิ่นฯ ซึ่งตนได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจน โดยให้ทุกหน่วยติดตามคดีหมิ่นฯ ที่เป็นคดีค้างเก่า ว่าได้ดำเนินไปถึงขั้นตอนใด ติดขัดตรงจุดไหน อย่างไร ส่วนคดีที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่มีการดำเนินการ หรือยังไม่มีผู้แจ้งความ หรือเป็นคดีที่เข้าข่ายเป็นคดีหมิ่นฯ แต่ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ ก็ให้ดำเนินตรวจสอบจากหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ ทีวี หรือวิดีโอต่างๆ ที่ปรากฏ ให้ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่ หากเข้าข่ายก็ให้ดำเนินการร้องทุกข์ตามระเบียบ ส่วนคดีที่ยังไม่เกิด ก็ให้เฝ้าติดตามว่ามีการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายความผิดคดีหมิ่นฯ หรือไม่ โดยกำชับให้ดำเนินอย่างรอบคอบ และผู้ปฏิบัติต้องเอาใจใส่ติดตาม
ตั้งเรื่องผ่านตนเองเพื่อขออนุมัติจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. ในการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่ทำความผิดเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ โดยแบ่ง 2 กรณี ได้แก่ ผู้ที่กระทำผิดในประเทศ และหลบหนีไปต่างประเทศ ขณะที่อีกกรณี คือ ผู้ที่กระทำผิดในต่างประเทศ และหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ทั้งที่เป็นคนไทย และเป็นคนไทยแต่ไปที่ถือสัญชาติอื่น ในส่วนนี้ยังแยกเป็น 2 กรณี คือ ผู้กระทำผิดอยู่นอกประเทศ แต่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย และมีหมายจับ อีกกรณี คือ ผู้ที่กระทำผิดอยู่นอกประเทศ ถือสัญชาติไทย และกระทำผิดในต่างประเทศ
ตำรวจสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับ น.ส.ฉัตรวดี หรือ โรส อายุ 34 ปี ที่มีการเผยแพร่คลิปที่เข้าข่ายความผิดคดีหมิ่นฯ คณะทำงานที่ตั้งขึ้นจะดำเนินการติดตามตัวบุคคลเหล่านี้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยจะใช้ช่องทางตั้งแต่กองการต่างประเทศ ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็จะประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศที่บุคคลเหล่านี้พำนัก
หลังไม่ได้มีการประชุมกว่า 2 ปี แล้ว ซึ่งการจัดให้มีการประชุมพิจารณาคดีหมิ่นฯ ก็เพื่อความรอบคอบ ซึ่งตนได้กำชับ ว่าหากตำรวจสันติบาลจะร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือดำเนินคดีหมิ่นฯ กับใครต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ และต้องพิจารณาในรูปคณะกรรมการ เพื่อที่จะได้มีความหลากหลายทางความคิด รอบคอบและจะได้ไม่ถูกมองว่าไปกลั่นแกล้งใคร ทั้งนี้ ในวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 10.00 น. จะเรียกคณะทำงานเข้าร่วมประชุมอีกครั้งเพื่อนำข้อมูลต่างๆ ในทางคดีมาติดตามความคืบหน้า รวมทั้งข้อมูลคดีค้างเก่ามาพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
ตำรวจจะดำเนินการในรูปแบบเดียวกับการดำเนินการกับนายราเกซ สักเสนา จำเลยในคดีบีบีซี ซึ่งยอมรับว่าขั้นตอนอาจจะต้องใช้เวลา แต่ก็ต้องทำ ซึ่งการดำเนินการตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นผู้ที่รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ แต่หากประเทศนั้นไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยความร่วมมือทางอาญาหว่างประเทศ พ.ศ. 2535 ส่วนจะส่งตัวให้หรือไม่ หรือเป็นคดีการเมือง เป็นเรื่องที่ประเทศที่เราร้องขอไปจะเป็นผู้พิจารณา