พ่อโหดกรอกเหล้าลูก

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 25 เม.ย. พ.ต.ท. สมชาย ตันศิริสุข พนักงานสอบสวน สภ.ต.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

รับแจ้งจากโรงพยาบาลอ่าวอุดม

ว่ามีเด็กทารกถูกทำร้ายด้วยการใช้เหล้าขาวกรอกปาก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง ผกก.สภ.ต.แหลมฉบัง

รุดไปดูอาการทราบชื่อหนูน้อยเคราะห์ร้ายคือ

ด.ช.เมธา ลาภร้าย อายุ 1 เดือนเศษ สภาพนอนซมอยู่บนเตียงคนไข้ แพทย์ได้ตรวจรักษาด้วยการทำให้เด็กอาเจียนและให้นอนพักรอดูอาการอย่างใกล้ชิด

สอบถามได้ความว่าเด็กถูกทำร้าย

มาจากบ้านพักไม่มีเลขที่ ริมทางเลียบรถไฟ หมู่ 11 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตามไปตรวจสอบพบในบ้านมีขวดเหล้าขาววางอยู่ 2 ขวด

โดยมีนายเสน่ห์ กลิ่นบำรุงอายุ 41 ปี

เจ้าของบ้านยืนรออยู่ก่อนให้การว่า คนที่ทำร้าย ด.ช.เมธา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพ่อแท้ๆของ ด.ช.เมธา

ชื่อนายสมคิด ลาภร้าย อายุ 25 ปี

มีอาชีพรับเหมาเดินสายไฟฟ้าตามโรงงานต่างๆ หลังก่อเหตุได้ หลบหนีออกจากบ้านไปแล้ว

นายเสน่ห์เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า

นายสมคิด มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของตน อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนหน้านี้นายสมคิดแอบลักลอบมีความสัมพันธ์

กับนางชลาพร เขียวแดง อายุ 27 ปี

ซึ่งมีสามีทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และมีลูกด้วยกัน 1 คน ต่อมานายสมคิด ได้ชวนนางชลาพรหนีมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังเกิดเหตุ

กระทั่งตั้งท้องคลอด ด.ช.เมธาออกมา

ระยะหลังทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกันบ่อย เนื่องจากนายสมคิดหวาดระแวงกลัวว่าเมียจะกลับไปอยู่กับผัวเก่า

ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่ายวันที่ 24 เม.ย.

ทั้งคู่ทะเลาะมีปากเสียงกันอีก นายสมคิดเลยซื้อเหล้าขาวมานั่งกินกับตนที่บ้าน และเกิดรำคาญ ด.ช.เมธา ลูกชายที่ร้องไห้

ไม่หยุดถึงกับตะโกนว่าจะเอาไปทิ้งให้รถไฟทับ

ตนเลยด่าไปหลายคำ และสั่งให้นายสมคิดหยุดโวยวาย ส่วนนางชลาพรทนไม่ไหวเดินหนีออกจากบ้านไป

กระทั่งดึกก็ยังไม่กลับเข้าบ้านสร้างความไม่พอใจ

ให้กับนายสมคิด เนื่องจากมีความหวาดระแวงกลัวว่าเมียจะหนีกลับไปอยู่กับผัวเก่าจึงคว้าขวดเหล้าขาวกรอกปากลูกชายที่ร้องไห้โยเย

เพื่อต้องการประชดเมีย

จนเด็กร้องทุรนทุรายไม่หยุด ตนรีบเข้าไปห้ามและช่วยพาส่งโรงพยาบาล ส่วนนายสมคิด ได้วิ่งหนีเข้าไปในป่าข้างทางรถไฟ

ด้าน พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง ผกก.สภ.ต.แหลมฉบัง

กล่าวภายหลังว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวนายสมคิด พ่อใจร้าย แต่ยังไม่พบ คาดว่าคงกลัวความผิดหลบหนีไปแล้ว

การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิด

ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยวิธีทรมาน หรือโดยกระทำทารุณ โหดร้าย มีโทษจำคุก 2-10 ปี

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ