เผยเริ่มแผนไล่ล่าจับกุมแกนนำทันที หลังศาลออกหมายจับ พร้อมรับลูกเพื่อไทยเอาผิด "สุรชัย"ขณะที่กปปส.ไม่หวั่นพร้อมมอบตัวสู้คดี
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เปิดเผยภายหลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส.และคปท. จำนวน 30 คน
ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่นรวม 8 ข้อหาว่า พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ได้วางแผนจัดกำลังพร้อมเข้าจับกุมแกนนำที่ถูกศาลออกหมายจับแล้ว โดยจะเริ่มแผนปฏิบัติการทันที โดยการจับกุมจะยึดหลักหลีกเลี่ยงการปะทะเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งแนวทางการจับกุมจะเริ่มจากแกนนำที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธให้การคุ้มกัน ก่อน ส่วนกลุ่มที่มีกองกำลังของตัวเองจะรอจังหวะที่เหมาะสมรวบตัว
อธิบดี ดีเอสไอยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยร้องสอบนายสุรชัยเลี้ยงบุญเลิศชัยว่า
ที่ประธานวุฒิสภา กับพวกฐานสนับสนุนหรือร่วมกันกระทำผิดข้อหากบฏกรณีที่เรียกประชุมวุฒิสภา เพื่อหารือกรณีการตั้งนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างเร่งสอบปากคำผู้ร้อง และตรวจสอบพยานหลักฐาน เช่นคลิปภาพการประชุมร่วมกันของว่าที่ประธานวุฒิสภากับพวก และนายสุเทพว่าเข้าข่ายสนับสนุนการกระทำของกปปส.หรือไม่เนื่องจากศาลรัฐ ธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนว่าการพ้นจากตำแหน่งกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นความผิดเฉพาะตัวรัฐมนตรีที่เหลือสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลมีผลผูกพันกับทุกองค์กร ซึ่งประเด็นนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 สอดคล้องกับที่นายสุเทพออกมาประกาศหลังมีการหารือร่วมกับนายสุรชัยกับพวก โดยระบุว่านายสุรชัยรับปากจะสนับสนุนการตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา7
ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีศาลอาญาออกหมายจับ แกนนำกปแส.และคปท.รวม 30 คนในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหานั้น
ว่า การออกหมายจับถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้มีความกังวลใจอะไร และจะไปมอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจปฏิรูปประเทศอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามคนที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวคือ อัยการสูงสุด (อสส.) ไม่ใช่คนนั่งสแตมป์หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับแล้วสำนักงานอสส.ทำตาม ไม่เช่นนั้นกระบวนการยุติธรรมก็จะถูกทำลายไปด้วย.