เด็กชายแฉโดนหลอก!

เด็กชายวัย 10 ขวบ ในกระทุ่มแบนยัน ถูกหลอกเอาตัวขึ้นรถตู้สีเทาติดฟิล์มดำทั้งคัน

มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ในรถอีกหลายคน

ขับไปที่หัวลำโพง แต่โชคดีพลัดหลงกับคนร้ายก่อนจะไปเจอแม่ค้าใจดีพาไปหาตำรวจส่งกลับบ้าน พมจ. สมุทรสาคร เร่งหาตัวเหยื่อรถตู้มาสอบถามรายละเอียดเพื่อตามหาเด็กที่ยังหาตัวไม่เจอขณะที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร

จะเรียกประชุมแก้ไขปัญหาแรงงานประมง

ที่อาจลวงเด็กไปทำงานในเรือ ส่วน รมช.พม.เตรียมประชุม 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับผู้ปกครองเด็กที่หายและที่กลับมาแล้ว จะได้นำข้อมูลไปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กหาย

จากกรณีที่ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป

รมช. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจกับพ่อแม่ของเด็กที่สูญหาย 3 ราย ใน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทร สาคร โดยรับปากว่าจะติดตามเด็กที่สูญหายไป

กลับคืนมาให้ครอบครัวให้ได้โดยเร็ว

ซึ่งทาง พม. ได้ประสานงานกับ 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าว

"เดลินิวส์" ได้เดินทางไปพบกับพ่อแม่ของน้องเท็น วัย 10 ขวบ ที่บ้านพัก ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องเท็น โดยพ่อของน้องเท็น

เปิดเผยว่า น้องเท็น พร้อมกับน้องลาภ

ได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2549 ขณะที่ทั้งสองออกไปเล่นน้ำที่บ่อน้ำในหมู่บ้านที่เคยไปเล่นกันประจำ แต่ในวันนั้นน้องเท็นกับน้องลาภ ไม่ได้กลับมาบ้าน ตนกับพ่อแม่ของน้องลาภ ได้ออกไปสอบถามพวกแม่ค้าที่ขายน้ำใกล้บ่อน้ำ

ทราบว่าทั้งสองมาเล่นน้ำที่บ่อน้ำจริง

แต่กลับไปตอนไหนไม่รู้ และแม่ค้ายังบอกด้วยว่าเห็นมีรถตู้สีเทาติดฟิล์มทั้งคันไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน วิ่งเข้ามาจอดใกล้ ๆ บ่อน้ำพักใหญ่ก่อนจะขับกลับออกไป ทำให้ตนสงสัยว่ารถตู้คันดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป

ของลูกชาย เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีเด็กชายอายุ 8 ขวบ

ในอ.กระทุ่มแบน ถูกจับตัวขึ้นรถตู้ไปแต่หนีกลับออกมาได้ โดยเด็กคนดังกล่าวชื่อน้องทิม ปัจจุบัน อายุ 10 ขวบ มีบ้านพักอยู่ซอยข้างวัดศรีสำราญ อ.กระทุ่มแบน

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบน้องทิมที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ

บริเวณลานวัดศรีสำราญ โดยน้องทิม เปิดเผยว่า เมื่อปิดเทอมปี 2548 ช่วงสงกรานต์ ตนกับเพื่อน 2 คน ชื่อ ด.ช.โชค กับ ด.ช.ทิ้ง พากันไปเล่นเกมที่ร้านเกมแถวบ้าน ได้พบชายวัยรุ่นอ้างว่าชื่อนายเก่ง มาชวนตนไปหาซื้อเกมเล่นกัน

ตนจึงตามไปพร้อมกับเพื่อนทั้งสอง

แต่พอถึงป้ายรถเมล์ นายเก่งได้พาตนขึ้นรถเมล์ไปคนเดียว ก่อนจะนำไปขึ้นรถตู้สีเทาติดฟิล์มดำทั้งคัน โดยในรถมีเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับตนนั่งอยู่หลายคน รถตู้นำพวกตนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หลังลงจากรถตนได้พลัดหลงกับนายเก่ง

จึงไปสอบถามแม่ค้าย่านนั้นทราบว่า

เป็นสถานีรถไฟหัวลำโพง ตนเล่าเรื่องให้แม่ค้าฟัง เขาจึงนำตนไปพบตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะพาตนส่งกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นมาตนจึงกลัวไม่กล้าไปกับคนแปลกหน้าอีกเลย

นายอนุวัฒน์ อนันตภากร นักพัฒนาสังคมและความมั่นคง

ของมนุษย์จังหวัดสมุทร สาคร (พมจ.) กล่าวว่า เรื่องของน้องทิม ขณะนี้เราทราบแล้ว ซึ่งเราส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามรายละเอียดอยู่ ส่วนการติดตามหาตัว น้องเท็น กับน้องลาภ ยังไม่มีความคืบหน้า

ขณะเดียวกันได้มีการแจ้งความเด็กหายอีก 1 ราย

ซึ่งรายนี้หายตัวไป 5 ปีแล้ว เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาภายในครอบครัวพ่อแม่แยกทางกัน โดย พมจ. คิดว่าจะติดตามตัวเด็กคนดังกล่าวกลับมาได้ในเร็ว ๆ นี้ ส่วนเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครอง

เกรงว่าบุตรหลานจะถูกหลอกไป

ใช้แรงงานในเรือประมงนั้น ในวันที่ 23 เม.ย. นายธีระบูลย์ โพบุคดี ผวจ.สมุทร สาคร จะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาแรงงานประมง

ด้าน นพ.พลเดช รมว.การพัฒนาสังคมฯ

กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลเรื่องน้องทิมแล้ว แต่ในการสอบถามเด็กแต่ละครั้งต้องไตร่ตรองก่อนว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน และต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่ม ไม่ใช่เชื่อแล้วตื่นตระหนก โดยในวันที่ 3 พ.ค.

ที่จะถึงนี้ ทาง พม. จะเรียกประชุม 7 หน่วยงาน

ที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมกับผู้ปกครองเด็กที่หายไป และผู้ปกครองที่เด็กหายแต่ได้ตัวกลับคืนมาแล้ว เพื่อนำบทเรียนของแต่ละคนมาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเด็กที่หนีกลับมาได้จะต้องสอบถามว่า หายไปอย่างไร

ไปพบกับใคร และกลับมาอย่างไร

ซึ่งทาง พม. ได้ให้งบประมาณในการทำวิจัยเจาะข้อมูลผู้ปกครองที่เด็กกลับมาได้ เนื่องจากมีมูลนิธิกระจกเงาเป็นสื่อกลางคอยประสานงานให้

รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวด้วยว่า

ตนขอฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก และประชาชน อย่าตื่นตระหนกในการรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ต้องรู้เท่าทัน บางครั้งข่าวที่ออกมาจากสื่อต่าง ๆ อาจมีผู้นำไปพูดกันปากต่อปากจนขยายความออกไป ขอให้ใช้ดุลพินิจ พิจารณาข้อมูลข่าวสารนั้นก่อน หลังจาก พม.ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กทั้งหมดแล้ว จะเอามาประมวลเพื่อร

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์