เมื่อ วันที่ 8 พฤษภาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายนันทศักดิ์ พูลสุข โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
แถลงถึงความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์คดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ว่า อัยการมีความเห็นควรให้ยื่นอุทธรณ์ และส่งสำนวนให้อัยการฝ่ายคดีศาลสูงพิจารณา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการฝ่ายคดีศาลสูง โดยระยะเวลายื่นอุทธรณ์จะครบกำหนดในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ หากยื่นอุทธรณ์ไม่ทันก็สามารถขอขยายเวลาได้อีกครั้ง ส่วนประเด็นการยื่นอุทธรณ์จะคัดค้านคำพิพากษาในประเด็นเกี่ยวกับแหวนซึ่ง เป็นพยานหลักฐานชิ้นใหม่ไม่เคยปรากฏในสำนวนมาก่อนว่า แหวนดังกล่าวมีความน่าเชื่อถืออย่างไรบ้าง และบันทึกคำเบิกความของพ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก พยานปากสำคัญ ซึ่งมีน้ำหนักรับฟังได้มากน้อยแค่ไหน และมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
"ส่วนประเด็นการสืบพยานที่อยู่ต่างประเทศลับหลังจำเลยก็มีปัญหาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะคำให้การพยานในต่างประเด็น หากมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้มีความน่าเชื่อถือให้การรับรองคำให้การแล้ว ก็น่าจะรับฟังได้เสมือนว่ามาให้การในศาล ในอดีตเคยว่าความคดีทรัพย์สินทางปัญญา และเคยให้เจ้าหน้าที่ที่มีความน่าเชื่อถือรับรองคำเบิกความของพยานที่อยู่ ต่างประเทศมาแล้วซึ่งศาลก็รับฟัง"โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดระบุ
สำหรับ คดีนี้ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยมีคำพิพากษายกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท อดีตผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล อดีตผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความ ตาย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา จากกรณีร่วมกันอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย