ชาวบ้านดงใหญ่บุกพิสูจน์ "ต้นพะยุง" ล่องหนกลางวันแสก ๆ ทั้งที่ปลูกอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ด้านพ่อเมืองเดือด สั่งแจ้งจับพร้อมทั้งเร่งหาตัวผู้กระทำผิดทันที เปรยพอรู้ตัวการแล้ว
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. นายนพวัชร สิงห์ศักดาผวจ.มหาสารคามเปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางวัน วันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา
เกิดเหตุคนร้ายลักลอบขโมยต้นพะยูงสองต้น ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี หายไปจากหน้าศาลากลางหลังเก่า ซึ่งยืนต้นตายมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งจังหวัดได้สำรวจ และจัดทำบัญชีไว้แล้ว หลังเกิดเหตุทางจังหวัดได้ออกตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วในข้อหาลักทรัพย์ และได้แจ้งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคามให้รายงานผลการสอบสวนให้ทราบทุกระยะเบื้องต้นทราบว่ารู้ตัวผู้เกี่ยวข้องบางส่วนแล้วโดยเจ้าหน้าที่จะได้ออกหมายเรียกมาให้การกับเจ้าหน้าที่ แต่รายละเอียดยังไม่สามารถบอกได้ เกรงว่าจะเสียรูปคดีแต่จะสืบหาจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ในตัวเมืองในการช่วยสืบหาอีกทางหนึ่ง ถือว่าการกระทำดังกล่าวอุกอาจมาก เพราะลงมือทำในเวลากลางวัน เชื่อว่าจะสามารถจะจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน
ผวจ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ในทางสืบสวนของตำรวจ สืบทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นกลุ่มเดียวกับที่เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ด้วย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนมีสีหรือไม่ยังไม่ขอเปิดเผย ซึ่งขณะนี้เริ่มได้ผู้เกี่ยวข้องมาโดยลำดับแล้ว ทราบที่มาที่ไปแล้วต้องสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาในช่วงบ่าย นายเชาว์ไชยพงศ์ คำพันธ์นายก อบต.ดงใหญ่ อำเภอวาปีปทุม พาชาวบ้านมาที่ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า การที่พวกตนเดินทางมาวันนี้ เนื่องจากต้นไม้ที่หายไปเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าชุมชนดงใหญ่ และชาวดงใหญ่เป็นผู้บริจาคต้นพะยูงทั้ง 2 ต้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาทให้จังหวัดนำมาปลูกไว้ที่หน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ทั้งนี้ชาวบ้านต่างข้องใจว่าการขโมยต้นไม้ขนาดใหญ่ในสถานที่ราชการที่มี รปภ. ดูแลและก่อเหตุกลางวันแสก ๆ เหตุใดทำได้ง่ายดาย หากเช็คกล้องวงจรปิดที่อยู่ตามถนนสายต่าง ๆ น่าจะเห็นรถคนร้าย ตนในฐานะตัวแทนชาวบ้านจะรอดูว่าภายใน 4-5 วันนี้ว่าจะความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายหรือไม่ หากไม่คืบหน้าชาวบ้านตำบลดงใหญ่ จะออกมาเคลื่อนไหวใหญ่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังเกิดเรื่องฉาวชาวบ้านได้ช่วยกันนำต้นพะยูงมาปลูกในพื้นที่ดังกล่าวแทนต้นเดิมที่หายไปทันที
ทั้งนี้ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนเข้ามาขโมยของในสถานที่ราชการได้ในเวลากลางวันแสก ๆ โดยไม่มีใครเห็นแต่อย่างใด.