ปิดถนนร้องซิ่งแหกด่านถูกตร.ยิง

"ปิดถนนประท้วง ตร. ยิงวัยรุ่นซิ่งแหกด่านดับ"



เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ภูเก็ต ว่า มีชาวบ้านจาก ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต

ประมาณ 200 คน นำศพนายวรวุทย์ สมานมิตร อายุ 17 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 7/3 หมู่ 4 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต บรรทุกขึ้นท้ายรถปิกอัพมายังหน้าสภ.อ.เมืองภูเก็ต เพื่อประท้วงและเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.เมืองภูเก็ต ที่ยิงนายวรวุทย์เสียชีวิต

เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา

มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 4 นาย สังกัดสภ.อ.เมืองภูเก็ต ได้รับคำสั่งให้ออกกวดขันอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยเน้นการกวดขันบรรดาวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ซิ่ง บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ (เลี่ยงเมือง)

ระหว่างที่ตั้งจุดตรวจมีกลุ่มวัยรุ่น 5 คน

ขี่รถจักรยานยนต์ซิ่งมาตามถนน 2 คัน เมื่อตำรวจเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น ปรากฏว่ากลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 คันกลับเร่งเครื่องฝ่าจุดตรวจ และขี่รถจักรยานยนต์ไปกลับรถห่างจุดตรวจประมาณ 1 ก.ม. ย้อนกลับเข้าตัวเมืองของถนนอีกฟาก

แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดิมย้ายจุดตรวจเพื่อสกัดจับ

เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นตำรวจก็ไม่ยอมให้ตรวจเป็นครั้งที่สอง กลับเพิ่มความเร็วเร่งเครื่องฝ่าด่าน ปรากฏว่าหนึ่งในตำรวจที่ตั้งจุดตรวจได้ชักอาวุธปืนพกสั้นประจำกายยิงขู่ไป 2 นัด กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่ยอมชะลอความเร็ว กลับขับขี่รถจักรยานยนต์ตรงมายังด่านตรวจเพื่อแหกด่านตรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดิมยิงใส่รถจักรยานยนต์ไปอีก 2 นัด



กระสุนปืนพุ่งใสร่างนายวรวุทย์ ซึ่งขี่รถและมีแฟนสาวนั่งมาด้วย

เมื่อขี่ไปได้อีกประมาณ 1 ก.ม. นายวรวุทย์บอกกับแฟนสาวว่ารู้สึกแน่นหน้าอกหลังจากนั้นก็ล้มฟุบทั้งคนทั้งรถจึงรู้ว่าถูกยิง เพื่อนๆ จึงช่วยกันนำร่างนายวรวุทย์ส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อไปถึงปรากฏว่าได้สิ้นใจตายก่อนที่แพทย์จะทำการรักษา

จากการตรวจสภาพศพพบว่า

นายวรวุทย์ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้น .38 เข้าที่บริเวณสะโพกด้านซ้ายทะลุสะโพกด้านขวา ต่อมาทางญาติและชาวบ้านเมื่อทราบข่าวต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตำรวจที่ทำเกินกว่าเหตุ จึงรวมตัวกันนำศพนายวรวุทย์ไปแห่ประจานการกระทำของตำรวจ

ขณะเดียวกันด้านพ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี

รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และพ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ผกก.สภ.อ.เมืองภูเก็ต มาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านและให้ชาวบ้านส่งตัวแทนเข้าไปเจรจาในห้องประชุมของสภ.อ.เมืองภูเก็ต เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยชาวบ้านระบุว่ามือปืนรายนี้คือ

ส.ต.ท.ประสาน ช่วยม่าน ตำรวจสายตรวจสภ.อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งพ.ต.อ.ณษยอมรับกับชาวบ้านว่า เหตุที่เกิดเป็นฝีมือของตำรวจจริง แต่สาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดคงต้องดำเนินการสอบสวนก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย

โดยเฉพาะพฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้

มีการรายงานจากตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ว่ามักขี่รถจักรยานยนต์ออกซิ่งบนถนนสายนี้ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านเป็นประจำแทบทุกวัน



อย่างไรก็ตามพ.ต.อ.ชลิตรับปากและยืนยัน

กับตัวแทนชาวบ้านที่ร่วมเจรจาว่า จะดำเนินคดีนี้อย่างเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยจะนำตัวส.ต.ท.ประสาน ที่ทางชาวบ้านระบุว่าเป็นคนยิงมาให้พยานชี้ตัวบนสภ.อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งพยาน 3 คนสามารถชี้ตัวได้ถูกต้องทั้ง 3 ครั้ง ทางตำรวจได้ควบคุมตัวและนำไปสอบปากคำ

โดยในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาส.ต.ท.ประสานในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

พร้อมนำอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกตรวจในคืนเกิดเหตุทั้งหมด 4 กระบอกส่งให้ฝ่ายวิทยาการตรวจพิสูจน์ เพื่อหาร่องรอยเขม่าดินปืนจากปากกระบอกปืน และคราบเขม่าดินปืนจากมือของส.ต.ท.ประสาน ที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ด้วย จนชาวบ้านพอใจสลายตัวไปหลังจากประท้วงอยู่หน้าโรงพักประมาณ 3 ชั่วโมง

ต่อมาเวลาประมาณ 15.45 น. เมื่อกลุ่มชาวบ้านนำศพกลับไป

ยัง ต.เกาะแก้ว มีการรวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากมีการพูดคุยในหมู่เครือญาติซึ่งไม่พอใจในผลการเจรจา โดยมีการนำศพไปตั้งบน ถ.เทพกระษัตรี บริเวณจุดกลับรถบ้านเกาะแก้ว และนำเต็นท์มากางบนถนนสี่เลนทั้งขาเข้าและขาออก

ทำให้รถติดเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นถนนสายหลักที่เข้าเมืองภูเก็ต นอกจากนี้ได้มีการนำโต๊ะ ถังขยะมาเททิ้งเกลื่อนถนน พร้อมทั้งเขียนข้อความโจมตีตำรวจภูเก็ตต่างๆ นานา

หลังรับทราบเหตุมีการปิดถนนนำศพมาประท้วงตำรวจระลอกสอง

พ.ต.อ.ณษจึงเดินทางพร้อมกำลังไปอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่สัญจรไปมาเนื่องจากถนนสี่เลนขาเข้า-ขาออกถูกปิดตาย โดยผู้ชุมนุมได้เรียกร้องขอคำยืนยันในความเป็นธรรมที่เกิดขึ้น



ซึ่งหลังจากที่พ.ต.อ.ณษ รับปากอย่างหนักแน่น

ว่าจะให้ความเป็นธรรมและมีการเจรจาอีกรอบ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องรวม 3 ข้อ คือ 1.ไม่ให้ส.ต.ท.ประสานออกนอก จ.ภูเก็ต 2.ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด 3.ให้ตัวแทนชาวบ้าน 5 คนร่วมในการติดตามความคืบหน้าของคดี

ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ชลิตและพ.ต.อ.ณตเดินทางมาเจรจา

กับผู้ชุมนุมอีกครั้ง โดยผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ตำรวจรายนี้ออกจากราชการ พร้อมทั้งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และในการสอบสวนดำเนินคดีให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลางเข้ามาดำเนินการ

ให้ตำรวจชุมชนเกาะแก้วออกจากพื้นที่ทั้งชุด

ให้ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร และไม่ให้เอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งนายตำรวจทั้งสองตกลงตามข้อเรียกร้อง ผู้ชุมนุมจึงสลายตัวไปในเวลาประมาณ 18.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปิดถนนครั้งนี้

ส่งผลให้การจราจรบนถนนเทพกระษัตรีติดขัดกว่า 10 กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาและไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ที่จะเดินทางเข้า-ออกจากเกาะภูเก็ต หรือไปสนามบินภูเก็ตจะต้องใช้เส้นทางหาดป่าตอง-กมลา-หาดสุรินทร์-เชิงทะเล-อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องพลาดเที่ยวบินที่จองไว้



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์