11 เม.ย.57 ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เปิดเผยมีผลการประชุม ศอรส. ว่า
1.ตามที่ ศอ.รส. ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เร่งรัดดำเนินคดีกับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ และผู้เกี่ยวข้อง ในข้อหาล่วงละเมิดต่อสถาบัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 วันนี้ ได้รับรายงานจาก สตช.ว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้ดำเนินการยื่นขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาแล้ว โดยคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้จะทราบผลการพิจารณาของศาลอาญา ซึ่งหากศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจับกุมโดยเร็วต่อไป
นอกจากนี้ ศอ.รส. ได้กำชับ สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำการติดตามพฤติกรรมของบุคคลต่างๆ
โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดีย หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบัน ศอ.รส.จะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปิดกั้นทันที แล้วจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกรายโดยไม่มีการละเว้น ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวีดิโอดังกล่าวอาจถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ด้วย
2.ศอ.รส. ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในการดำเนินคดีพิเศษกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 58 ราย ที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆ ที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน คือ ความผิดเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการนั้น บัดนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับมอบสำนวนการสอบสวนจาก สตช.ในความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งและบุกรุกสถานที่ราชการครบถ้วนทุกสำนวนแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวน สตช. จะสรุปสำนวนคดีดังกล่าวส่งไปยังพนักงานอัยการได้ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ ทั้งนี้ นอกเหนือจากผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. จำนวน 58 รายแล้ว จะมีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 22 ราย รวมทั้งหมด 80 ราย โดยจะใช้วิธีสรุปสำนวนเพิ่มเติมในภายหลังเป็นอีกสำนวนหนึ่ง
3.ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 11 เมษายน ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ 1)คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 191 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพฯ 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 140 คดี 2)คดีเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 180 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพฯ 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 114 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 371 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 203 หมาย ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 258 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน
โดย ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
4.ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ศอ.รส. จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยตามเดิม และป้องกันเหตุแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้ประกาศว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในช่วงสงกรานต์ก็ตาม ทั้งนี้ สำหรับเหตุร้ายเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมานี้ ศอ.รส. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมายแล้ว ซึ่งรวมถึงเหตุที่เกิดระเบิดขึ้นบริเวณบังเกอร์ของการ์ดผู้ชุมนุม กปปส. ที่ถนนแจ้งวัฒนะเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ศอ.รส. จะได้มีการประชุมประเมินผลการปฏิบัติในห้วงที่ผ่านมา แล้วปรับแผนการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย และในโอกาสนี้ ศอ.รส. ขออวยพรและส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนทุกท่านเนื่องในวันปีใหม่ไทย
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน