ผู้เสียหายจากการถูกคนร้ายแฮกข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น ยอดพุ่งขึ้นเป็น 40 รายแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 7 แสนบาท ด้านตำรวจเตรียมประชุมร่วมเจ้าหน้าที่ธนาคาร หามาตรการป้องกัน
จากกรณีผู้เสียหายกว่า 30 ราย เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ประชาชื่น ตั้งแต่วันที่ 4-8 เม.ย. ว่า
ถูกคนร้ายแฮกข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินออกจากบัญชี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนบาท ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้นมีบัญชีผูกกับธนาคารไทยพาณิชย์ และเคยไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาตลาดโกลด์มาร์เก็ต ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยทางตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลกับทางธนาคารพบว่า เงินของผู้เสียหายส่วนใหญ่ถูกคนร้ายกดออกไปจากตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน สาขาหาดใหญ่ จ.สงขลา จึงทำการประสานไปยัง กก.5 บก.ปอศ. ให้เข้ามาร่วมคลี่คลายคดีตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 9 เม.ย. ร.ต.ท.คมสัน ทุติยานนท์ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เจ้าของคดี กล่าวว่า
ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความรวมทั้งหมด 40 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเพิ่มเป็น 679,900 บาท ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบตู้เอทีเอ็มที่คนร้ายใช้กดเงินออกไปตามต่างจังหวัดแล้วนั้น ก็ได้ทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่นั้นๆให้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบหารูปพรรณสัณฐานของคนร้ายต่อไป
นอกจากนี้ตนกำลังรวบรวมรหัสตู้เอทีเอ็มที่คนร้ายใช้เป็นจุดกดเงินของผู้เสียหาย
เพื่อส่งให้ธนาคารนำไปตรวจสอบว่าคนร้ายใช้ตู้ธนาคารใดตั้งอยู่ในจังหวัดใด กดเงินของผู้เสียหายไปบ้างซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีเกือบ 10 จุดด้วยกัน และในวันที่ 10 เม.ย. เวลา 10.30 น. ทาง พ.ต.อ.ณัฏฐ์ภาณพ วัชรเสวี ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ธนาคารทุกแห่ง จะเข้าร่วมประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดคดีและหามาตรการในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก.