เหตุการณ์ ด.ช.13 จมน้ำบ่อดินดับ แถมเขย่าโลงขอความเป็นธรรม ด้านแม่แคลงใจขอรื้อคดีหลังเพื่อนลูกระบุ ถูกกลุ่มโจ๋ทำร้ายจับโยนน้ำ ล่าสุด เพื่อนกลับคำให้การ ย้ำผู้ตายเป็นตะคริวตายเอง กลัวเจอด่าเลยไม่กล้าบอก
จากกรณี นางกัลยา เกตุนาวา อายุ 32 ปี ได้ตั้งสวดอภิธรรมศพให้กับ ด.ช.ศุภชัย ธรรมานุพัตน์ อายุ 13 ปี ที่ศาลาธรรมสังเวชวัดท่ามะปราง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ซึ่งเป็นลูกชายที่เสียชีวิตจากการจมน้ำจนขาดอกาศหายใจ ภายในบ่อดิน หน้าทางเข้าหมู่บ้านบัวสีเงิน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังเกิดความคลางแคลงใจอยู่ เพราะมารดายืนยันว่าลูกชายเป็นคนว่ายน้ำเก่ง ยิ่งบ่อน้ำที่จมก็เป็นจุดที่มาว่ายเล่นแทบทุกวัน ที่สำคัญในขณะที่พระสงฆ์กำลังจะเดินกลับกุฏิหลังสวดอภิธรรมเสร็จ จู่ๆโลงศพก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้ภาพถ่ายผู้ตายและโต๊ะหมู่บูชาร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นศาลาจนแตกเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจำนวนมาก เป็นเหตุให้ครอบครัวเชื่อว่าเป็นวิญญาณผู้ตายที่เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยค้นหาความจริง
แถมต่อมา ด.ช.บอย (นามสมมุติ) เพื่อนผู้ตายที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยอมปริปากบอกว่า ผู้ตายโดนกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายจริงในเรื่องชู้สาวจนหมดสติ
ก่อนจะจับร่างโยนลงน้ำและขู่ฆ่าหากนำเรื่องจริงไปบอกใคร และญาติระบุว่าจะไม่มีการฌาปนกิจจนกว่าจะความจริงจะปรากฎ ซึ่งทาง พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ โล่สุวรรณ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ก็สั่งให้มีการรื้อคดีขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ผุ้เป็นแม่จะขอร้องให้วิญญาณลูกชายใจเย็นๆ ไม่ต้องแสดงปรากฎการณ์ให้รู้อีกแล้ว เพราะทำให้ผุ้อื่นตกใจกลัว
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็น วันที่ 9 เม.ย. พ.ต.ท.พิเชษฐ ปันกาวี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนี้ ได้เรียกสอบปากคำ ด.ช.บอย (นามสมมุติ) เพื่อนผู้ตายที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีกครั้ง
โดยมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์จังหวัดพิษณุโลก มาร่วมในการสอบสวนด้วยเนื่องจากเป็นเยาวชน ซึ่งครั้งนี้ ด.ช.บอย ที่เคยให้การว่าผู้ตายถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายจนหมดสติ ก่อนจะจับร่างโยนลงทิ้งน้ำ ได้กลับคำให้การแล้ว โดยระบุก่อนเกิดเหตุ ตน ผู้ตาย และกลุ่มเพื่อนรวม 6 คน ได้ชักชวนกันมาเล่นน้ำภายในบ่อดินดังกล่าว เพื่อคลายความร้อน แต่จู่ๆผู้ตายได้จมลงไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากเป็นตะคริว แม้เพื่อนจะพยายามว่ายเข้าช่วยแล้วแต่ไม่เป็นผล บางส่วนจึงวิ่งไปตามคนงานใกล้เคียงมาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน ส่วนที่ให้การไปก่อนหน้านี้เพราะกลัวมารดาผู้ตายจะด่าทอและกล่าวหาว่าเป็นคนผิดที่พาลูกชายไปตาย ขณะที่ ด.ช.เจีียบ (นามสมมุติ) เพื่อนอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ให้การคำแบบเดียวกัน
ต่อมา หลังจากทราบถึงคำให้การของเด็กทั้งสอง นางกัลยา แม่ผู้ตายที่ยังคลางแคลงใจก็รุดเข้ามาสอบถาม ด.ช.บอย
รวมทั้งคาดคั้นให้ตอบคำถามหลายอย่าง เป็นเหตุให้ ด.ช.บอย เกิดอาการเครียดจัดจนเก็บความกดดันไว้ไม่อยู่ ร้องไห้เสียงดังลั่นตามประสาเด็ก เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวไปหาผู้ปกครอง เพื่อให้หายจากอาการกดดันและค่อยเรียกมาสอบสวนใหม่
ด้าน นางกัลยา กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไม ด.ช.บอย เพื่อนลูกชายถึงกลับคำให้การ
เนื่องจากเมื่อวานนี้ยังเล่าเรื่องได้ชัดเจนเสมือนเป็นเรื่องจริง แต่วันนี้กลับพูดอีกอย่าง ทั้งนี้ตนยังมั่นใจว่าลูกชายถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิต เพราะศีรษะบวมช้ำคล้ายกระทบของแข็งอย่างแรงต้องเป็นการหาตกรรมชัดเจน ซึ่งหากตำรวจยังสรุปคดีว่าจมน้ำตายเองอีก ตนจะไม่เผาศพลูกชายแน่นอนและจะร้องขอความเป็นธรรมให้วิญญาณลูกชายถึงที่สุดจะได้นอนตายตาหลับ.