ปิดฉากสงกรานต์ ยอดตาย 361ศพ´ ต่ำกว่าปีก่อน 14 คน แต่บาดเจ็บเพิ่ม 79

"สรุปยอดผู้เสียชีวิตช่วง 7 วันอันตราย"



ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อตอนสายวันที่ 18 เม.ย. นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ได้รับมอบหมายจากนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี

ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ให้แถลงสรุปยอดการเกิดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตจากท้องถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. พร้อมกับทำพิธีปิดศูนย์ดังกล่าว

นายพงศ์โพยมกล่าวว่า สถิติของผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ

จากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2550 ของวันที่ 17 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งหมด 451 ครั้ง เสียชีวิต 43 คนบาดเจ็บ 512 คน สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือเมาสุรา รองลงมาคือขับรถเร็วเกินกำหนด

ตามด้วยขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือรถจักรยานยนต์ รองลงมา คือรถปิกอัพ และรถนั่งส่วนบุคคล จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือสมุทรปราการ 5 คน รองลงมาคือกาญจนบุรี 4 คน

ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด

ได้แก่ นครศรีธรรมราช 72 คน รองลงมาคือร้อยเอ็ด 45 คน และจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือร้อยเอ็ด 40 ครั้ง รองลงมาคือนครศรีธรรมราช 38 ครั้ง



นายพงศ์โพยมกล่าวต่อว่า เมื่อรวมยอดอุบัติเหตุสะสม 7 วัน

ตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 4,274 ครั้ง มากกว่าปีก่อน 77 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 361 คน น้อยกว่าปีก่อน 14 คน ผู้บาดเจ็บ รวม 4,805 คน มากกว่าปีก่อน 79 คน จังหวัดที่มีอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ เชียงราย 160 ครั้ง

รองลงมา อุดรธานี 135 ครั้ง เชียงใหม่ 130 ครั้ง

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ ขอนแก่น 16 คน รองลงมา นครพนม 15 คน เชียงใหม่ 13 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือ เชียงราย 167 คน รองลงมา นครศรีธรรมราช 157 คน อุดรธานี 145 คน

สำหรับในการเรียกตรวจตามมาตรการ 3ม 2ข 1ร ตลอด 7 วัน

มีการเรียกตรวจ 13,529,643 คัน พบการกระทำผิดและดำเนินคดี จำนวน 282,525 ราย เนื่องจากไม่พกพาใบขับขี่สูงที่สุด รองลงมา ได้แก่ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวด้วยว่า

แม้ว่าผลการปฏิบัติงานดังกล่าวจะประสบความสำเร็จในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้ในระดับหนึ่ง แต่ ไม่อาจจะกล่าวชื่นชมความสำเร็จนี้ได้ กลับกันคือ ต้องถือเอาตัวเลขดังกล่าว

ทิศทางข้อมูลสถิติยังคงเป็นทิศทางเดิมๆ

ทั้งสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาสุรา ประเภทยานพาหนะ ที่ยังคงเป็นมอเตอร์ไซค์ สภาพถนนและช่วงเวลาที่เกิดเหตุ พฤติกรรมการเล่นสงกรานต์ ที่ยังคงพบพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เหตุอุบัติเหตุทางถนน



ที่ขาดมาตรการควบคุมป้องกันที่ดีพอ

มาทบทวนและประเมิน เพื่อหามาตรการและแนวทางแก้ไขที่จะพยายามลดความสูญเสียให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

และชุมชนที่เข้ามามีส่วนร่วม

รวมทั้งหน่วยงานทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมปฏิบัติงานร่วมกับ ศปถ. ที่เสียสละแรงกายแรงใจ ทุ่มเทกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่

วันเดียวกัน นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา

ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ปีนี้สามารถควบคุมอุบัติเหตุให้ลดลงกว่าปีก่อน โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีถนนสายหลักที่ใช้สัญจร

ไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ถึง 5 สาย

ได้แก่สายพหลโยธิน สายเอเชีย สายบางปะหัน-ปทุมธานี สายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี และสายวงแหวนตะวันตก-ตะวันออก รวมระยะทาง 150 กิโลเมตร จังหวัดจึงเตรียมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง

โดยใช้ยุทธศาสตร์ยกระดับความปลอดภัยทางถนนทั้ง 6 ด้าน

และดำเนินการปรับปรุงสภาพถนนให้อยู่ในสภาพดี ยกเว้นสายเอเชีย ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายช่องทางจราจร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2551 สำหรับอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.นั้น

มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 44 ครั้ง น้อยกว่าปี 2549 ที่เกิดขึ้น 85 ครั้ง เท่ากับลดลง 41 ครั้ง ผู้เสียชีวิตปี 2550 มีจำนวน 9 คน เท่ากับปี 2549 จำนวนผู้บาดเจ็บในปีนี้มีจำนวน 54 คน น้อยกว่าปี 2549 ที่มีจำนวน 99 คน เท่ากับลดลง 45 คน

นายเชิดพันธ์ยังกล่าวการเล่นสงกรานต์ของประชาชน

ในพื้นที่ว่า ต้องขอขอบคุณชาวกรุงเก่าที่ร่วมมือร่วมใจกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสงกรานต์ไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งขอบคุณบรรดาข้าราชการทุกหน่วยงาน มูลนิธิ อาสาสมัคร อปพร. อสม. อาสาจราจร ตำรวจชุมชนและ

ภาคเอกชนที่ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย สำหรับในปีต่อไป จังหวัดจะได้ นำข้อมูลและสถิติในปีนี้ไปประเมินหาทางป้องกันให้อุบัติเหตุลดลง หรือไม่เกิดขึ้นเลย

ขณะที่ พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา

กล่าวว่า การเล่นสงกรานต์ของชาวกรุงเก่าปีนี้ไม่โหดและไม่รุนแรงเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ตำรวจได้ประเมินปัญหาและทำเต็นท์รองรับคนมีปัญหาไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ก็แยกคนเล่นสงกรานต์

ที่มีปัญหาออกมาไว้ที่เต็นท์ทำให้ปัญหาลดน้อยลง

นอกจากนี้ ยังได้ใช้กล้อง CCTV ทั้งหมด 17 ตัว เป็นเครื่องมือในการทำงานใช้ส่องไปยังจุดใหญ่ๆที่มีการเล่นสาดน้ำ เพื่อควบคุมการเล่นสงกรานต์รุนแรง ซึ่งตำรวจสามารถมองเห็นและเดินทางไปจับกุมผู้เล่นสงกรานต์รุนแรงได้ อย่างทันควัน โดยสามารถจับกุมได้ทั้งหมด 3 แก๊งใหญ่



ส่วนปัญหารถติดในพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยาในช่วงสงกรานต์นั้น

พล.ต.ต.นเรศกล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดใหญ่ นอกจากนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นจะมาเล่นสงกรานต์กันแล้ว ยังมีประชาชนเดินทางมาไหว้พระกันจำนวนมาก แต่พื้นผิวการจราจรของถนนมีน้อยกว่ารถ

ทำให้ช่องจอดรถไม่มีที่ว่าง จึงแก้ปัญหาโดยการเปิดพื้นที่ถนน

หน้ากองกำกับการฯ เป็นที่จอดรถพิเศษ ปัญหาการจราจรที่ติดขัดจึงลุล่วงลงได้ สำหรับสถิติการจับกุมวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์เสียงดัง ตำรวจได้ระดมกำลังจับกุมในวันที่ 13 เม.ย. ได้ 216 คัน วันที่ 14 เม.ย. จับกุมได้ 168 คัน และวันที่ 15 เม.ย. จับกุมได้ 90 คัน ที่ลดลงเนื่องจากตำรวจเอาจริง วัยรุ่นจึงเกิดความเกรงกลัว

ด้านคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม

เปิดเผยถึงการแสดงที่ไม่เหมาะสมในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า ได้รับรายงานมี 6 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ อ่างทอง สมุทรปราการ ปราจีนบุรี มหาสารคาม และระยอง กระทรวง ได้ประสานกับผู้ว่าฯ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสวัด

ให้ช่วยดำเนินการขั้นเด็ดขาดแล้ว ส่วนภาพรวมการเล่นสงกรานต์ ปีนี้

พบประชาชนส่วนใหญ่เล่นสุภาพขึ้น ขณะที่ผู้หญิงบางส่วนยังแต่งกายยั่วยุทางเพศมาเล่นสาดน้ำ



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์