สุดโหดซุ่มยิงก่อนตัดหัวเหยื่อโยนทิ้งข้างทาง โจรใต้ลอบยิงถล่มผู้ใหญ่บ้านพร้อมผู้ช่วยหญิงดับ 3 ศพ
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 2 เม.ย. ร.ต.ท.วีระศักดิ์ สุวรรณเดชา สวส..สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้ง มีเหตุคนร้าย ยิงกลุ่มผูใหญ่บ้าน พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เสียชีวิตขณะกำลังเดินทางกลับจากราชการ บริเวณพื้นที่ บ้านกาสังใน หมู่ 6 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จึงไปตรวจสอบพร้อม นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ นายอำเภอบันนังสตา พ.ต.อ.ชาติชาย ชนะสิทธิ์ ผกก.พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม รองผกก.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนภายในหมู่บ้านกาสัง-บ้านกาสังใน ห่างจากทางหลวงสาย 410 ยะลา-เบตง ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นทางโค้งขวาขึ้นเนินเขาชันสองข้างทางเป็นป่ารกทึบ
พบรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน กค-8346 นราธิวาส พุ่งตกลงไปบริเวณไหล่ทาง
จากการตรวจสอบพบกระจกหน้าหลังและหน้าต่าง ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม16 จนพรุนไปทั้งคัน ตรวจสอบในซากรถพบศพนายเอียะ ศรีทอง อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านกาสังใน หมู่ 6 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ นางเฉลียว พิกุลกลิ่น อายุ 50 ปี และ นางอุไร ทับทอง อายุ 47 ปี น้องสาวนางเฉลียว ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเดียวกัน ทั้ง 3 ศพแต่งกายเครื่องแบบผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม16 ตามลำตัวหลายแห่งโดยเฉพาะศพนางอุไร ทับทอง ถูกคนร้ายตัดศีรษะโยนทิ้งพงหญ้ารกทึบ ข้างทาง ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกัน ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ พบกระดาษขาวขนาดเอสี่เขียนข้อความด้วยหมึกลูกลื่นสีแดงเป็นข้อความข่มขู่
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเอียะ ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวพา นางอุไรและนางเฉลียว กลับจากประชุมที่อำเภอบันนังสตา
มาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งขึ้นเนินลาดชัน ถูกกลุ่มคนร้ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 4-5 คน ซึ่งดักซุ่มอยู่ในดงหญ้าข้างใช้อาวุธปืนเอ็ม16 กราดยิงถล่ม จนรถกระบะเสียหลักกพุ่งตกข้างทาง จากนั้นกลุ่มคนร้ายจึงออกมายิงถล่มซ้ำ พร้อมเปิดประตูดึงร่างผู้บาดเจ็บออกมาพร้อมรื้อค้นเอาอาวุธปืนประจำกายและ อาวุธปืนยาวรวม 3 กระบอก แล้วใช้มีดตัดคอนางอุไรจนขาดแล้วโยนทิ้งป่ารกฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ แล้วพากันหลบหนีไป ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นฝีมือพวกก่อความไม่สงบพยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยมูลเหตุอ้างกรณี อส.อำเภอบันนังสตา ยิงชาวบ้าน ตามที่ทิ้งแผ่นปลิวไว้ในที่เกิดเหตุและอาจะเป็นการก่อเหตุเพื่อต้อนรับแม่ ทัพภาคที่4 คนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่ง.