เจ้าสาววัย 20 ปี ต้องมาจบชีวิตลงในวันแต่ง หลังไปขูดหินปูน ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ญาติเชื่อติดเชื้อในกระแสเลือด หมอยันผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการเกล็ดเลือดต่ำ
เรื่องราวน่าเศร้าของสาววัย 20 ปี ได้ไปขูดหินปูนที่คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง แล้วเกิดเลือดไหลไม่หยุด จนเสียชีวิตลงในวันวิวาห์ของตัวเอง
ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 เมษายน โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดกล้วย หมู่ 11 ต.กระมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พบที่ศาลาธรรมสังเวชได้จัดพิธีศพ น.ส.กิ่งหยก หรือมุก คงเสมา อายุ 20 ปี ซึ่งสวมใส่ชุดไทยอยู่ในโลงเย็น
นางกรองแก้ว สังวาลเนตร อายุ 35 ปี มารดาของ น.ส.กิ่งหยก
เปิดเผยว่า ตนมีลูก 3 คน ลูกมุก เป็นคนโตและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการช่วยขายของที่ตลาดน้ำอโยธยา หลังจากที่พ่อของลูกมุกเสียชีวิตลงเมื่อ 2 ปีก่อน จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2556 ลูกมุกได้คบหากับนายศุภกิจ หรือแชมป์ สายพิมพ์ อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นคนงานในโรงหล่อพระที่ อ.บางปะหัน ต่อมานายศุภกิจ ได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอด้วยสินสอด 5 หมื่นบาท และได้กำหนดวันแต่งงานในวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา
"เมื่อกลางเดือนมีนาคม ลูกมุกได้ไปขูดหินปูนที่คลินิกทำฟันแห่งหนึ่ง ย่าน ต.ไผ่ลิง และเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด จนกระทั่งวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ลูกมุกไปช่วยขนของที่วัด เพื่อเตรียมงานแต่งของตัวเอง ปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมามากผิดปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม จึงได้นำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายศุภกิจ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเวลา 06.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ลูกมุกก็เสียชีวิตลงในวันแต่งงานพอดี ทำให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่เชิญมาร่วมงานแต่ง ต้องมารดน้ำศพแทน ฉันจึงนำชุดไทยที่เตรียมไว้เป็นชุดเจ้าสาว มาใส่ให้ลูก" นางกรองแก้ว กล่าว
นายศุภกิจ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่คบหากันมา น.ส.กิ่งหยกมักพูดถึงเรื่องแต่งงานตลอด และคืนก่อนที่ น.ส.กิ่งหยกจะเสียชีวิต ยังได้บอกกับตนว่า ให้อยู่ด้วยกันอย่าทิ้งไปไหน จนกระทั่งเช้าวันที่ 31 มีนาคม น.ส.กิ่งหยก ก็เสียชีวิตลง ซึ่งทุกคนเชื่อว่า เหตุเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด หลังจากไปขูดหินปูน
นพ.สุรชัย โชคครรชิตไชย รอง ผอ.รพ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า น.ส.กิ่งหยกเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 มีนาคม
จากนั้นก็ได้ส่งตัวไปที่หอผู้ป่วย โดยทางญาติและน้องมุกให้ประวัติว่า มีอาการอาเจียนเป็นเลือดและมีเลือดออกตลอดเวลาหลังจากไปทำฟันมา แพทย์ที่ทำการรักษาจึงได้ตรวจพบเกล็ดเลือดต่ำมากเหลืออยู่ 2 หมื่นมิลลิเมตรปรอท ซึ่งถือเป็นความผิดปกติรุนแรงมาก เพราะคนปกติจะมีเกล็ดเลือดระหว่าง 2-4 แสนมิลลิเมตรปรอท จึงทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และก่อนที่ น.ส.กิ่งหยกจะเสียชีวิต เวลา 05.00 น. วันที่ 31 มีนาคม แพทย์ก็ได้เจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจอีกครั้ง กระทั่งเวลา 06.00 น.ผู้ป่วยเกิดอาเจียนจนหมดสติ แพทย์และพยาบาลได้ช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งเวลา 07.15 น. น.ส.กิ่งหยกก็เสียชีวิตลง
"สาเหตุจึงน่าจะมาจากเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกไม่หยุดในช่องท้องและสมอง จึงทำให้ปั๊มหัวใจไม่ขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในขั้นตอนวินิจฉัย ยังไม่ได้รักษา แต่ก็มาเสียชีวิตก่อน ส่วนเรื่องที่ไปทำฟันแล้วจะติดเชื้อนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะการติดเชื้อต้องใช้เวลา และมีไข้ มีอาการซึม ที่สำคัญเคยไปทำฟันแล้วเลือดหยุดยาก ทางคลินิกก็ไม่ได้แนะนำหรือวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำหรือไม่ ซึ่งหากคนที่เป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำต้องระวังเรื่องของเลือดออกให้มาก ที่สำคัญยังไม่มีโอกาสทำความเข้าใจกับญาติ จึงทำให้ญาติเข้าใจว่าไปทำฟันแล้วเสียเลือดมากจนเสียชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลจะติดต่อญาติมาชี้แจงต่อไป" นพ.สุรชัย กล่าว