ชัชชาติเผย พบ 7 ถนนเสี่ยงทัวร์ 2 ชั้นคว่ำ ทางหลวงเตรียมทำลูกระนาดชะลอความเร็ว
ด้านเจ๊เกียวลั่น ไม่เห็นด้วยนโยบายห้ามรถ 2 ชั้นวิ่งในบางเส้นทาง
จากกรณีรถทัวร์ 2 ชั้นหมายเลขทะเบียน 31-5633 กรุงเทพมหานคร นำคณะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มอสม. และกลุ่มพนักงานท้องถิ่น เทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 52 คน เดินทางไปทัศนศึกษาดูงานที่จ.อุบลราชธานี และประเทศลาว เกิดเสียหลักตกเหวข้างทาง บริเวณดอยรวก ถนนสาย 105 ตาก-แม่สอด ขาเข้าเมืองตาก ช่วงหลักก.ม.ที่ 17+500 ม.10 ต.แม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก มีผู้เสียชีวิต 29 ราย และบาดเจ็บ 23 ราย เมื่อค่ำวันที่ 24 มี.ค.
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม
เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์พลัดตกเขา จ.ตาก ว่า ข้อแตกต่างระหว่างรถชั้นเดียว กับรถสองชั้นคือ รถชั้นเดียวจะมีน้ำหนักเบา และบรรทุกคนได้น้อยกว่า โดยตัวรถเปล่าหนัก 15 ตัน สูง 4 เมตร มี 2 เพลา 6 ล้อ บรรทุกผู้โดยสารได้ 40 คน ขณะที่รถสองชั้นมีน้ำหนัก 18 ตัน สูง 4.30 เมตร มี 3 เพลา 8 ล้อ บรรทุกผู้โดยสารได้ 50 คน จึงเห็นได้ว่าน้ำหนักรวมรถสองชั้นจะหนักกว่ารถชั้นเดียวเกือบ 4 ตัน หรือร้อยละ 20 ซึ่งการที่รถน้ำหนักมากกว่าและคนเยอะกว่า อาจมีผลต่อการควบคุมรถเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินได้
ดังนั้นแนวทางแก้ไขอนาคต อาจพิจารณาปรับปรุงลดความสูงของรถใหม่เหลือไม่เกิน 4.0 เมตร
และรถใหม่ต้องทดสอบความลาดเอียงของพื้นรถตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ส่วนรถเก่าจะทยอยเรียกเข้ามาทดสอบ ซึ่งจะประชุมรายละเอียดกับผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีรถสองขั้น ประมาณ 6,200 คัน แบ่งเป็นรถประจำทาง 1,700 คัน และรถไม่ประจำทาง 4,500 คัน
เมื่อดูจากสถิติการนำรถโดยสาร 2 ชั้น เข้ามาตรวจทดสอบมาตรฐานความลาดเอียงกับขบ.
พบว่า รถทัวร์ 2 ชั้นประมาณร้อยละ 45 ไม่ผ่านการทดสอบ เนื่องจากมีค่าความลาดเอียงไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจทำให้รถแหกโค้งได้ หากเข้าโค้งด้วยความเร็ว ซึ่งขบ.จะต้องกำชับให้รถกลับไปปรับปรุงมาตรฐานอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถผ่านการทดสอบ รวมทั้งให้เร่งรัดการตรวจสอบความลาดเอียงให้ได้ปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากมีรถที่รอการตรวจจำนวนมาก ขณะที่ปัจจุบันขบ มีเครื่องทดสอบดังกล่าวเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่ทันต่อความต้องการŽ นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้กรมทางหลวง (ทล.) กลับไปพิจารณาว่าเส้นทางบริเวณใดมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติกับรถ 2 ชั้นบ้าง
เบื้องต้นพบว่ามีจำนวน 7 เส้นทางได้แก่ 1.ตาก-แม่สอด 2.พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ 3.กบินทร์บุรี-ปักธงชัย 4.สายเอเชีย ช่วงอ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท 5.รังสิต-สระบุรี 6.กระบี่-พังงา และ7.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้เบื้องต้นกระทรวงจะจัดส่งรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายไปให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร 2 ชั้น ได้รับทราบและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ รวมทั้งอาจจะมีรายละเอียดข้อแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการขับรถในเส้นทางที่มีความเสี่ยงด้วย เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้เป็นคู่มือประกอบการขับขี่ให้ปลอดภัยมากขึ้น
นายชัชชาติกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังขอให้ขบ. กลับไปศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดอายุรถโดยสารสาธารณะว่าควรจะมีแนวทางอย่างไร
เพื่อลดอุบัติเหตุจากการนำรถโดยสารเก่าหมดสภาพมาวิ่งให้บริการแก่ประชาชน รวมไปถึงการศึกษากรณีการนำแชสซีรถเก่า มาต่อตัวถังรถเป็นรถใหม่เพื่อวิ่งให้บริการว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะจะกระทบกับธุรกิจการนำเข้าเครื่องยนต์มือสอง
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่มีการกำหนดอายุรถโดยสารสาธารณะเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ เช่น ประเทศออสเตรเบียกำหนดอายุการใช้งานเฉลี่ยรถโดยสารสาธารณะไม่เกิน 12 ปี มาเลเซีย ไม่เกิน 12 ปี อินเดียไม่เกิน 15 ปี เป็นต้น
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า
นโยบายของ บขส.ขณะนี้ไม่มีการสั่งซื้อนำเข้ารถสองชั้นมาให้บริการ แต่จะเปลี่ยนมาใช้รถชั้นเดียวขนาด 15 เมตรแทน ส่วนรถที่อยู่ในระบบของ บขส.มี 900 คัน แบ่งเป็นรถชั้นเดียวประมาณ 500 คัน และรถสองชั้น ประมาณ 400 คัน ส่วนรถร่วมบริการ 12,000 คัน แบ่งเป็นรถสองชั้นประมาณ 1,500 คัน และรถชั้นเดียวกว่า 1 หมื่นคัน ในภาพรวมถือว่ามีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 20 แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถทัศนาจรหรือรถหมวด 30 สำหรับรถโดยสารทั้งระบบของ บขส. รวมทั้งรถร่วมบริการ จะมีการเข้มงวดในการดูแล รวมทั้งการตรวจสอบสภาพรถ โดยเฉพาะการจัดเส้นทางเดินรถของ บขส.จะไม่ใช้รถสองชั้นวิ่งในเส้นทางอันตราย คดเคี้ยวหรือขึ้นเขา สิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงความชำนาญเส้นทางของพนักงานขับรถด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
