พบว่าอยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ซอย 1 แยก 8 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ไม่ได้เป็นสมาคมคนพิการแต่อย่างใด เป็นเพียงบ้านเช่าของคนตาบอดไปอาศัยอยู่รวมกันนับร้อยๆชีวิต เป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านในย่านนั้นว่าคือ อาณาจักร วณิพก นายบุญมา ม่วงอ่อน อายุ 51 ปี พิการตาบอดสนิท 2 ข้าง บ้านเดิมอยู่เลขที่ 73 หมู่ 7 ต.ตรวจ กิ่งอ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า เคยถูกคนบ้านเดียวกัน อยู่ จ.สุรินทร์ หลอกพาไปนั่งร้องเพลงขอทานอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บอกว่าจะแบ่งให้คนละครึ่ง แต่ ปรากฏว่า หาได้เท่าไรไม่ได้ใช้ นั่งขอทานตั้งแต่ 7 โมงเช้ายัน 2 ทุ่มทุกวัน จนทนไม่ไหวแจ้งตำรวจให้ช่วยพากลับบ้าน ก่อนจะมีคนชวนมาเป็นวณิพกร้องเพลงได้ ประมาณ 1 ปีเศษ ดีกว่าอยู่ที่บ้าน รอเงินสงเคราะห์จากทางราชการ อ้างว่าจะให้เดือนละ 200 บาท ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่รู้เงินไปตกอยู่กับใคร สู้มาร้องเพลงหาเงินตามร้านอาหารดีกว่า
นายบุญมายังแจงอีกว่า มาเป็นวณิพกร้องเพลงแลกเศษเงิน มีรายได้คืนละ ไม่ต่ำกว่า 2,000-2,500 บาท แต่ต้องหักเป็นค่าจ้างคนจูง กับคนขับสามล้อเครื่องเท่าๆกัน ส่วนที่เหลือจะให้กับคนที่คอยเก็บค่าสวัสดิการ อาหารที่พัก แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ สมมติว่าคืนนี้ได้ 2,000 บาท หักค่าเช่ารถที่พาตระเวน 500 บาท เหลือ 1,500 บาท แบ่งกันคนละ 500 บาท สถานที่หาเงินแล้วแต่คนขับสามล้อจะพาไป ส่วนอุปกรณ์หากินพวกเครื่องขยายเสียง ไมโครโฟน มีคนนำมาให้เช่า เก็บรายวันวันละ 100 บาท ช่วงเวลาหาเงินตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน ตีสอง แล้วแต่ว่าหาได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนนายอ๊อด กันหา บ้านเดิมอยู่ เลขที่ 34 หมู่ 3 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี บอกว่า เคยเป็นกรรมกรก่อสร้าง มีคนบอกว่าให้มาทำงานเป็นคนจูงคนตาบอดไปขอทาน ได้ค่าจ้างวันละ 250-300 บาท มีบ้านพักและอาหารให้ฟรี ดีกว่าอาชีพเก่าหลายเท่า ถ้ารู้จักเก็บ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเหลือ เพราะเอาไปใช้ไม่ถูกทาง ซึ่งอยากฝากเตือนเพื่อนร่วมอาชีพ ที่ยังหลงผิดอีกหลายคน ทำเท่าไรก็ไม่เหลือ แถมต้องไปเป็นหนี้เป็นสิน กู้เงินเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาทมาใช้จ่าย เพราะเป็นอย่างตน แต่ต้องขอบคุณคนตาบอด ที่ยังเป็นกำลังช่วยเหลือหาเลี้ยงคนตาดีที่มีโอกาสน้อยได้อีกหลายชีวิต ส่วนใหญ่แล้วที่คนที่ทำหน้าที่จูงคนตาบอดไม่ใช่ญาติพี่น้อง มารับจ้างกันทั้งนั้น