เหี้ยม! ทุบหัวปล้นทรัพย์พ่อค้าผักหมกพงหญ้า

       เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวนเข้าประชุมด่วน หลังจากเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตถูกฆาตกรรมและทิ้งศพไว้ในพงหญ้า บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ หมู่ 1 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดย ร.ต.อ.โสภณ ช่วยสถิตย์ ร้อยเวรเปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุพบศพจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิพงศ์ ฐิติสโรจน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. มูลนิธิประชาร่วมใจ และแพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราช ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 45-50 ปี สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ลักษณะคว่ำหน้าอยู่ในพงหญ้า คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4 วัน โดยผู้ตายสวมเสื้อซาฟารีสีกรมท่า ถูกถลกขึ้นมาอยู่บนแผ่นหลัง นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า และมีผ้าขาวม้าลายน้ำตาลสลับขาวพันอยู่ส่วนลำตัวและคอ จากการตรวจชันสูตรพบว่า ศีรษะมีบาดแผลฉีกขาดเหมือนโดนทุบตีด้วยของแข็ง และยังมีแผลถลอกที่หัวไหล่ขวา นอกจากนี้ผู้ตายมีรอยสักที่หน้าอกด้านขวาเป็นรูปอักขระโบราณ ค้นในตัวไม่ไม่พบเอกสารติดตัวใดๆ ห่างออกไป 5 เมตร พบรองเท้ายางตกอยู่ 1 ข้าง คาดว่าเป็นของคนร้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงยืนยันว่าไม่มีใครรู้จักผู้ตาย อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 5 มี.ค. ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าน่าจะมีอุบัติเหตุรถชนกันในบริเวณใกล้เคียงกับที่พบศพ จึงแจ้งให้เหน่วยกู้ภัยประชาร่วมใจไปตรวจสอบจนพบวัยรุ่น 3-4 คน ยืนอยู่ริมถนน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยก็พากันแยกย้ายวิ่งหนีขึ้น จยย.ซิ่งหนีไปอย่างน่าสงสัย นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบรถ จยย.สามล้อพ่วงข้างเสียหลักตกริมถนน 1 คันด้วย แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของจึงแจ้งให้ศูนย์วิทยุ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทราบและพากันเดินทางกลับไป จากนั้นพอกลับมาตรวจสอบอีกครั้งรถพ่วงข้างก็หายไปแล้ว กระทั่งมีการพบศพดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเป็นเจ้าของรถ จยย.สามล้อพ่วงข้างคันดังกล่าว โดยผู้ตายอาจจะเป็นพ่อค้าที่มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอรอบนอกใกล้เคียงกับอำเภอเมือง และในตอนเช้าตรู่ของทุกวันจะขี่ จยย.สามล้อพ่วงท้ายมาซื้อสินค้าประเภทพืชผักผลไม้ในตลาดหัวอิฐ เพื่อนำไปเร่ขายในหมู่บ้าน เมื่อขี่รถมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ดักปล้นทรัพย์ แต่ผู้ตายขัดขืน จึงพยายามขี่รถหนีจนตกข้างทาง คนร้ายจึงตามไปทุบหัวจนตายและปล้นทรัพย์ไป ซึ่งจะเร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง.