ฟัน 5 ตร.มาเฟียอุ้มหนุ่มมะกัน

คดีตำรวจนอกรีตอุ้มนายมาร์ค ฮัทเชอร์สัน หนุ่มนักธุรกิจชาวอเมริกัน


กักขังรีดค่าไถ่ 8 แสนดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 28 ล้านบาท โดยตำรวจบุกจู่โจมช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างปลอดภัยในทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ในซอยลาดพร้าว 41

พร้อมกับรวบตัว

ดต.สุรชาติ เมืองขุนรอง ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สน.ห้วยขวาง และ
นายนิโคลัส พฤกษสุกาญจน์ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่เฝ้าคุมตัวเหยื่อ

ก่อนจะขยายผลจับกุม

ส.ต.อ.สถิตย์ ประสันแพงศรี ผบ.หมู่ กองร้อย 3 กก. 3 บก.ตปพ. และ
ส.ต.ต. ประเสริฐพันธ์ ภูนาฤทธิ์ ผบ.หมู่ 5 ผ. 5 กก. 2 ป. มา

สอบสวนขยายผล ทราบว่ามี


จ.ส.ต.อดุลย์ คำอ่อน เจ้าหน้าที่วิทยุ สน.โชคชัย และ พ.ต.ท.ธนพล บุนนาค สว.กลุ่มงานยุทธวิธีตำรวจ กองวิจัยและพัฒนา ช่วยราชการ กอ.รมน. ที่หลบหนี เป็นผู้วางแผนอุ้มรีดค่าไถ่ครั้งนี้

ความคืบหน้า ที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 เม.ย.

พ.ต.ท.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล รอง ผกก. สส.สน.ลุมพินี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปขออนุมัติหมายศาลจังหวัดพระโขนง

จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3 คน คือ

นายจอห์น แมคเคลีย์ อายุ 39 ปี กับ
นายเจมส์ หรือจิมมี่ แมคเคลีย์ อายุ 37 ปี สองพี่น้องลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และ
นายมงคล หรือดำ ศุขเขศม อายุ 33 ปี

ในข้อหา

ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีอาวุธติดตัวในการขู่เข็ญ
หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพทางกาย
เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
หรือให้การสนับสนุนในการกระทำความผิด

ภายหลังศาลพิจารณาสำนวนคดีแล้ว อนุมัติหมายจับเลขที่ 398/2550

ทั้งนี้ จากการสอบสวนนายมาร์ค ฮัทเชอร์สัน ผู้เสียหายเหยื่อค่าไถ่ ยืนยันว่า


นอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมและรู้ตัวแล้ว ในวันเกิดเหตุ ยังมีนายเจมส์ หรือจิมมี่ ร่วมขบวนการด้วย

โดยเป็นคนชี้เป้าพยักหน้าส่งสัญญาณ

ให้แก๊งอุ้ม ลักพาตัวออกจากห้องพัก ปกักขังตามสถานที่ต่างๆ จากนั้น ก็ให้นายมงคล มอเตอร์ไซค์รับจ้างย่านสุขุมวิท ซึ่งสนิทกับสองพี่น้องแมคเคลีย์คอยเฝ้าไว้

โดยระหว่างถูกควบคุมตัวในทาวน์เฮาส์

นายจอห์น แมคเคลีย์ พี่ชายนายเจมส์ ได้ไปข่มขู่บังคับให้นายมาร์ค โทรศัพท์บอกภรรยาโอนเงินค่าไถ่ไปให้

นอกจากนี้ ในการสืบสวนขยายผล ยังพบว่า

คืนเกิดเหตุ นายจอห์นได้โทรศัพท์ติดต่อกับ จ.ส.ต.อดุลย์ คำอ่อน เจ้าหน้าที่วิทยุ สน.โชคชัย ที่หลบหนี ต่อเนื่องมากกว่า 20 ครั้ง ทำให้พนักงานสอบสวนต้องขออนุมัติหมายจับกุมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่พนักงานสอบสวนจะขออนุมัติหมายจับนี้


สองพี่น้องแมคเคลีย์เกิดร้อนตัวเกรงความผิดจะมาถึง ได้เข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มรีดค่าไถ่นายมาร์ค แต่ถูกปรักปรำจากคนอเมริกันด้วยกัน เจ้าหน้าที่สถานทูตจึงประสานพนักงานสอบสวนรับตัวไปสอบสวน แต่ไม่ยอมให้รายละเอียดใดๆ ในขณะที่ผู้เสียหายยืนยันว่า สองพี่น้องนี้ร่วมขบวนการลักพาตัวด้วย จึงตกเป็นผู้ต้องหาในที่สุด ส่วนนายมงคล ผู้ต้องหาอีกคน อ้างว่าสองพี่น้องแมคเคลีย์ว่าจ้างให้ไปคอยเฝ้านายมาร์คเท่านั้น โดยบอกว่าหากเสร็จภารกิจจะให้เงิน 1 แสนบาทตอบแทน

ในขณะที่แนวทางการสืบสวนของตำรวจ


เชื่อว่านายจอห์นและนายเจมส์ สองพี่น้องลูกครึ่งไทย-อเมริกัน พ่อเป็นอเมริกัน แม่เป็นคนไทย เกิดที่เมืองไทย แต่ไปเติบโตในสหรัฐฯ ก่อนจะกลับมามีเมียเป็นคนไทยทั้งคู่ ไม่พบอาชีพเป็นหลักแหล่งที่ชัดเจน แต่ชอบทำตัวเป็นขาใหญ่ คอยตบทรัพย์ชาวต่างชาติในย่านนานา สีลมและถนนข้าวสาร โดยจะตระเวนหาเหยื่อ เมื่อได้เป้าหมายก็จะนำข้อมูลไปบอกกับนายซามูเอล หรือแซม ผสมทอง ลูกครึ่งไทย-อเมริกันอีกคน ที่เป็นลูกน้องของ จ.ส.ต.อดุลย์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี วางแผนในการจับตัวรีดค่าไถ่ กับตำรวจที่ร่วมขบวนการด้วยกัน

ทั้งนี้ เชื่อว่า


สองพี่น้องแมคเคลีย์น่าจะรู้เห็นพฤติกรรมของนายมาร์คผู้เสียหายเป็นอย่างดี ว่าประกอบธุรกิจอะไรบางอย่างที่ตำรวจยังขยายผลไปไม่ถึง รวมทั้งรู้ว่าเหยื่อค่าไถ่เก็บเงินสดจำนวนมากไว้ในตู้เซฟที่พัก จึงวางแผนร่วมกับตำรวจนอกรีต ดักอุ้มรีดค่าไถ่ดังกล่าว คาดว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคนที่ตำรวจยังสาวไปไม่ถึงตัว และก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง


ด้าน พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. ตรวจสอบตำรวจที่ร่วมขบวนการแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ตัวนายมาร์ค ฮัทเชอร์สัน นักธุรกิจชาวอเมริกัน เพื่อดำเนินการอย่างเฉียบขาด ทั้งทางวินัยร้ายแรงและคดีอาญา ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปแล้ว เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ท้าทายอำนาจรัฐ ทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่สำคัญเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกแถว เบื้องต้น ผบช.น.ได้มีคำสั่งให้ตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกันนี้ได้ประสานทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตรวจสอบประวัตินายนิโคลัส พฤกสุกาญจน์ หนุ่มลูกครึ่ง ผู้ต้องหาที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของเอฟบีไอด้วย

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า


คดีอุ้มนักธุรกิจต่างชาติไปเรียกค่าไถ่ลักษณะเดียวกันนี้ เคยเกิดขึ้นและแจ้งความไว้ที่กองปราบฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.49

โดยกลุ่มคนร้ายแต่งกายคล้ายตำรวจครึ่งท่อน จำนวน 3 คน ร่วมกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง

อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ บุกล็อกตัวนายวิลเลี่ยม เจมส์ลี อายุ 32 ปี นักธุรกิจการเงินชาวอเมริกัน ขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ซอยทองหล่อ กับแฟนสาวคนไทยและเพื่อนชายชาวนิวซีแลนด์ เพื่อรอลูกค้าที่จะไปติดต่อเรื่องงาน

จากนั้นควบคุมตัวผู้เสียหายขึ้นรถกระบะ ปิดตา

แล้วนำตัวไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง จับถอดเสื้อผ้า ซ้อมแล้วล่ามโซ่ บังคับให้บอกรหัสบัตรเอทีเอ็มและรหัสผ่านอินเตอร์เน็ตของธนาคาร เพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้าย ได้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ 17 ล้านบาท ก่อนจะนำตัวเหยื่อไปปล่อยทิ้งไว้ริมถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 4 เม.ย.49

ต่อมาชุดสืบสวนจับกุมเจ้าของบัญชีธนาคาร


ที่ผู้ต้องหาว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีเพื่อโอนเงินได้ 2 คน แต่ระหว่างการสืบสวนขยายผล ผู้เสียหายเกรงว่าจะได้รับอันตรายและไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเชื่อว่าเป็นฝีมือของตำรวจ จึงเดินทางกลับประเทศไปก่อนทำให้คดีหยุดชะงัก แต่ชุดสืบสวนเชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งตำรวจนอกรีต และพัวพันกับคดีนี้ด้วย ซึ่งตำรวจกองปราบฯ อยู่ระหว่างประสานข้อมูลกับ บช.น. เพื่อขยายผลต่อไป


สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวในห้องขัง สน.ลุมพินี


เจ้าหน้าที่ได้แยกขังเดี่ยวกันคนละห้อง โดยเมื่อตอนเที่ยงได้มีญาติพี่น้องนำข้าวของมาเยี่ยม แต่พยายามหลบหน้าผู้สื่อข่าว และไม่ยอมให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

ต่อมาเย็นวันเดียวกัน


พ.ต.ท.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย สว.สส.สน.ลุมพินี ได้นำหมายศาลอาญากรุงเทพใต้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 239/1159 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ของนายจอห์น แมคเคลีย์ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบธนบัตรใบละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 110 ใบ และปืนกล็อกอีก 1 กระบอก จึงยึดไว้ตรวจสอบ โดยนางจันทร์แรม แมคเคลีย์ ภรรยาของนายจอห์น ซึ่งเคยเป็นคนรับใช้บ้านนายมาร์ค ผู้เสียหายเมื่อ 2 ปีที่ก่อน อ้างว่าเงินดังกล่าว นายซามูเอลหรือแซมซึ่งรู้จักกัน นำมาฝากไว้ นายจอห์นสามีไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วนนายมาร์คเจ้านายเก่า รู้แต่เพียงว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการเก็งกำไรค่าเงินและน้ำมันเท่านั้น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์