ชี้บึ้มศาลอาญาฯ ชนิดเดียวกับระเบิดบ้าน มาร์ค-คุณชายหมู

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดสังหารชนิดขว้าง 2ลูก ตกใกล้ประตูทางออกศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
 
โดยลูกแรกไปตกที่ริมทางเท้านอกรั้วศาลและเกิดระเบิดขึ้น โดยมีเสียงดังและมีควันพุ่งออกมา ก่อนพบขดลวดสปริงและกระเดื่องตกอยู่บนทางเท้าส่วนลูกระเบิดมีลักษณะแตกออกมาครึ่งหนึ่งคล้ายทำงานไม่สมบูรณ์ ส่วนอีก1ลูก ถูกขว้างเข้ามาภายในรั้วไปตกที่ลานจอดรถผู้พิพากษา แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงานจึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่อมา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้มาเก็บกู้ระเบิดทั้งสองลูกดังกล่าวไป

พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า เป็นระเบิดขว้างสังหารชนิดเอ็ม61ผลิตจากประเทศสหรัฐฯรัศมี 15-20เมตร หน่วงระยะเวลา 5 วินาทีหลังดึงสลักออก
 
มีใช้ในราชการทหารและตำรวจไทย ซึ่งลูกแรกระเบิดทำงานแต่ก็ไม่สมบูรณ์จึงไม่รุนแรง แต่ชิ้นส่วนระเบิดยังอยู่ครบส่วนลูกที่ 2 ไม่ระเบิดเพราะคนร้ายลืมดึงเซฟตี้คลิปขอนิรภัยออก จึงได้ใส่ไว้เหมือนเดิมเพื่อป้องกันไม่ให้ระเบิด สำหรับระเบิดเอ็ม 61 เป็นประเภทเดียวกับระเบิดชนิดเอ็ม 26 แต่แตกต่างกันตรงที่ชนิดเอ็ม 61 จะมีเซฟตี้คลิปอีกชั้นหนึ่ง ผู้ใช้จะต้องดึงสลักระเบิดและดึงเซฟตี้คลิปออกด้วยระเบิดจึงจะทำงาน ส่วนระเบิดลูกแรกที่ทำงานไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเก่าส่วนลูกที่สองนั้นคาดว่าคนร้ายอาจจะรีบร้อนจนลืมดึงเซฟตี้คลิปออกระเบิดชนิดดังกล่าวเป็นแบบเดียวกับที่คนร้ายก่อเหตุปาบึ้มใส่วังสวนผักกาด ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

ต่อมา นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
 
พร้อมผู้บริหาร พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 , พล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.สพ. สตช.พร้อมหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือEODพ.อ.สมชายอ่อนส้มกิจ รองผบ.ปตอ.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันต์ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้เดินทางมาตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดเหตุอีกครั้ง

จากการสอบถาม ส.ท.อำนาจ โพเทพา และ ส.อ.ประสิทธิ์ กลิ่นกุหลาบทหารสังกัด ปตอ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจทางเข้าศาลอาญา ให้การว่า

ช่วงก่อนเกิดเหตุเวลา 10.00 น.เศษ เห็นชายคนร้าย2คน ขี่รถ จยย. ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู-ขาว ไม่ทราบทะเบียน สวมหมวกกันน็อกครึ่งใบ ส่วนคนซ้อนสวมหมวกไอัโม่งคลุมศีรษะสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ ขี่จยย.มาจากแยกรัชดาฯตัดลาดพร้าว พอมาถึงจุดตรวจของทหาร คนร้ายได้ชะลอรถและหันมามองทหารท่าทางมีพิรุธก่อนจะปาระเบิดดังกล่าวเข้ามาแล้วเลี้ยวเข้าตรอกด้านข้างปั๊มน้ำมัน ปตท.หลบหนีไป

นายภัทรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวว่า ตนไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องใช้ความรุนแรงอย่างนี้

สำนักงานศาลยุติธรรมจะทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่จอดรถของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ธุรการอาจจะปรับระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นซึ่งได้รายงานให้กับ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกาทราบแล้ว

ด้าน นายธงชัย อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ความจริงขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายแล้วไม่น่าที่จะเกิดเหตุเช่นนี้

ขอยืนยันว่าคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลอาญาก็ดำเนินตามกระบวนการปกติ เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากการพิจารณาคดีของฝ่ายต่างๆ พล.ต.อ.เอก รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า คนร้ายได้ขี่รถหนีไปในซอยข้างปั้มน้ำมันปตท. ซึ่งเป็นซอยที่ทะลุออกได้หลายเส้นทาง คาดว่าน่าจะวางแผนล่วงหน้า แต่ถือว่าเป็นเหตุคที่อุกอาจเพราะลงมือในช่วงกลางวันที่มีประชาชนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาค่อนข้างมาก ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังเหตุอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีคนร้ายใช้ระเบิดและอาวุธปืนโจมตีใส่สถานที่ต่างๆหลายครั้ง ซึ่งมาตรการป้องกันเหตุบริเวณศาล เบื้องต้นมีทหารจากปตอ. 1 กองร้อยประจำการอยู่แล้ว แต่ว่าได้แบ่งเป็นชุดย่อยๆกระจายอยู่โดยรอบจึงทำให้ไม่เพียงพอ ซึ่งตนจะประสานทหารขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเติมส่วนตำรวจได้รับผิดชอบโดยรอบทั้งถนนรัชดาภิเษกและด้านหลังศาล รวมทั้งตั้งจุดตรวจค้นตอนกลางคืน

พล.ต.อ.เอก กล่าวอีกว่า เชื่อว่าคนร้ายที่เคยก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ศาลอาญาและศาลแพ่ง กับที่ก่อเหตุขว้างระเบิดสังหารครั้งนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน

ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง โดยการก่อเหตุครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ภายในบริเวณศาลอาญา โดยคนร้ายได้ก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่อาคารศาลอาญา ในช่วงกลางดึกของวันที่ 14 ก.พ.ทำให้กระจกบริเวณชั้น 7 ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากนั้นเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ก็เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม79 ตกบริเวณลานจอดรถศาลแพ่งอีกครั้ง แต่ไม่ระเบิด.