แถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลังจากศรส.เข้าขอคืนพื้นที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ พบอาวุธหรือสิ่งที่เปรียบเหมือนอาวุธที่เอาไว้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทั้ง มีด หัวน็อต รวมถึงยาเสพติด โดยเฉพาะใบกระท่อม และมีผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ซึ่งศรส.ได้รับคำสั่งจากนายกฯให้ใช้ความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ตนและเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการตามนั้น ส่วนการที่กปปส.ปลุกระดมว่าการกระทำของศรส.ไม่เหมาะสม ตนขอยืนยันว่าเหมาะสมที่สุด
ประกอบด้วย 1.พื้นที่ข้างทำเนียบฯทั้งหมด ตั้งแต่สะพานอรทัย แยกสวนมิสกวัน และสะพานชมัยมรุเชษฐ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในลักษณะการชุมนุมเพื่อปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการซ่องสุม มีผู้ต้องหาตามหมายจับมีสิ่งผิดกฎหมาย และกีดขวางการจราจร ศรส.ไม่ได้ข่มขู่แต่ขอร้องให้ถอนตัวออกไป เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ที่จะมาพักอาศัย ชุมนุมประท้วง เนื่องจากเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาล ศรส.จะใช้ความละมุนมะม่อมเจรจาก่อน จะถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และช่อง 9 อยากให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลใช้ความอดทนอดกลั้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
แต่ขอใช้คำว่าศรส.ขอใช้พื้นที่ของคนไทยทั้งประเทศซึ่งมีสิทธิใช้ จราจรสะดวก รัฐบาลเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้ โดยอาจจะเริ่มปฏิบัติการในวันที่18ก.พ.ก็เป็นได้ แต่ยังไม่ระบุวันที่แน่ชัด ย้ำว่า การชุมนุมด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลแหล่งาข่าวที่ไปสืบสวนพบว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับและมีอาวุธปืน หากเสียงปืนดังจากทางนั้น เจ้าหน้าที่มีสิทธิป้องกันตัว ย้ำว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง
ควรตระหนักและถอนตัวจากพื้นที่ หากไม่ฟังและดื้อดึง ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยยึดหลักสากล เพราะรัฐบาลมองว่าผู้ชุมนุมเป็นญาติมิตรกัน ตนชี้แจงเสร็จแล้วควรใช้เวลาคิดสองชั่วโมงและกลับบ้าน โดยเฉพาะหลวงปู่พุทธอิสระ ตนเคยบวชสองครั้งมองแล้วว่าไม่งาม เป็นพระสงฆ์ฝักใฝ่การเมืองได้แต่จะกีดขวางและข่มขู่ มีการจับตำรวจซ้อมสองนายแบบนั้น ตนไม่โกรธ แต่ศรส.ต้องดำเนินการเด็ดขาดแต่ไม่รุนแรง และจะเน้นการเจรจา โดยเวทีแจ้งวัฒนะจะใช้การเจรจาผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์โดยพล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบภ.1 ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง และผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 เป็นตัวแทนเจรจาเพื่อลดการปะทะ รัฐบาลให้โอกาสหลายครั้งแล้ว
ผอ.ศรส.ระบุว่า ตนฟังกกปส.พูดแล้วตกใจ เพราะรู้ล่วงหน้าได้ว่าอย่างไรว่ารัฐบาลประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯโดยไม่ชอบ เพราะปี2553 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วมีบางฝ่ายในสังคมไปฟ้องศาลแพ่งแบบนี้ ศาลวินิจฉัยว่าไม่มีอำนาจสั่งรัฐบาลยกเลิกการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลไม่ก้าวล่วง ตนพูดโต้แย้งกปปส.และตนไม่เชื่อว่ากปปส.จะทายคำวินิจฉัยของศาลแม่น และตนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคงนำเรื่องนี้ไปเรียนต่อศาลแพ่งแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวน คาดว่าเป็นฝีมือมือที่สามที่ต้องการให้รัฐบาลโดนเพ็งเล็ง ยืนยันไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล และตนไม่มีนิสัยแบบนั้น เพราะเมื่อเจอศาลตนยกมือไหว้เสมอ ตนติดตามเรื่องนี้แล้วไม่สบายใจเพราะว่าบ้านเมืองขาดความเสมอภาค และชิงดีชิงเด่น อยากเป็นใหญ่ นายประมณฑ์สถาปนาตัวเองในองค์กรที่ไม่มีกฎหมายรองรับ
ถามว่าใครนำโรงกลั่นน้ำมันไปขาย ทำไมฝ่ายปราบคอรัปชั่นไม่ตามไปดู รวมทั้งคดีปรส.ขายสินทรัพย์แปดแสนล้านบาท การโกงเงินสร้างโรงพักรวมทั้งแฟลตตำรวจ ทำไมป.ป.ช.ไม่ดำเนินการ รวมทั้งมีการร้องเรียนเรื่องข้าวสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ป.ป.ช.หาข้อมูลไม่เจอและฝ่ายปราบคอรัปชั่นไม่ตามไปดู และกรรมการป.ป.ช.บางคนช่างพูด ทั้งที่อาชีพและหน้าที่ไม่ใช่นักการเมือง จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะจะชี้นำ หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะอยู่ในการขาดความเคารพและน่าเชื่อถือ
ตนไม่ต้องการเกิดเหตุและไม่ชอบความรุนแรง และต้องการความสงบเรียบร้อย เมื่อถามว่าแต่ล่าสุดคปท.ระบุไม่คืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ผอ.ศรส.กล่าวว่า เป็นสิทธิ แต่ถามว่าเป็นเจ้าของประเทศหรือ แค่คิดก็บ้าแล้ว เป็นกองกำลังก๊อดอาร์มี่หรือ ถามว่าคปท.มีกองกำลังกี่กองพัน ตนมองว่านักข่าวไม่ควรไปสัมภาษณ์คนพวกนี้ คนพวกนี้ต้องออกไป หากไม่ไปจะใช้ใบหนาดเฆี่ยน เพราะเป็นผีดิบ ขอย้ำว่าด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลมีแหล่งซ่องสุมอาวุธและบุคคลตามหมายจับ จะเคลียร์พื้นที่โดยเจ้าหน้าที่และไม่ใช้ความรุนเเรง อย่าหวังว่านายสุเทพระดมคนมาช่วย ตนสั่งตำรวจมามากกว่าทุกครั้ง คนที่มีหมายจับแต่ต่อสู้ เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันตัว ตนไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้าย บุคคลตามหมายจับนั้นต้องจับตามหมายจับ โดยไม่ต้องอาศัยพรก.ฉุกเฉิน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนมองว่าชาวนามีเจตนาเดียวคือเงินจำนำข้าว ตอนนี้นายกฯหาเงินได้แล้ว นายสุเทพหวังว่าชาวนาจะมาเป็นพวกนั้น ขอตอบว่าชาติหน้า เพราะชาวนาไม่เอาด้วย สามวันมานี้ตนนายสุเทพปราศรัยระดมคนนั้น พบว่ายิ่งระดมคนยิ่งน้อย