ลูกสาวเหยื่อความรุนแรงที่หลักสี่ แจ้งจับคนโพสต์ในโซเชียลมิเดีย กล่าวหาว่า พ่อที่ถูกยิงสาหัส เป็นกองกำลังเขมร
เมื่อเวลา13.00น.วันที่ 5ก.พ.นางสาวเอื้องฟ้าเเซ่ลิ้ว อายุ 42ปี อยู่บ้านเลขที่303/58เเขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ กทม.บุตรสาวนายอะเเกว เเซ่ลิ้ว อายุ 71ปี ผู้เสียหายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.และ กลุ่มกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงนำโดยนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำ จังหวัดปทุมธานีที่นำมวลชนมาสนับสนุนการเลือกตั้งบริเวณเเยกหลักสี่เดินทาง พร้อมนำเอกสารที่ปริ้นเป็นกระดาษมีข้อความถูกโพสต์ในโซเชียลมีเดียเข้าพบ ร.ต.ท.ตฤณพ่วงโสม ร้อยเวรสน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเเจ้งความลงบันทึกประจำวันภายหลังมีคนโพสต์ข้อ ความใส่ร้ายว่า นายอะเเกว เป็นหัวหน้ากองกำลังเขมรและเป็นลูกน้องมือขวาของฮุนเซนกับพ.ต.ท.ทักษิณชิน วัตร โดยวันที่เกิดเหตุได้นำกองกำลังเขมรเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยจนทำให้เกิดการ ปะทะกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายรวมทั้งสื่อมวลชน
นางสาวเอื้องฟ้ากล่าวว่า ข้อความที่ถูกเผยเเพร่ทางโซเชียลมีเดียเป็นการให้ร้ายป้ายสีไม่มีมูลความจริง
เนื่องจากพ่อของตนเองเป็นคนไทยเชื้อสายจีนมีบัตรประชาชนการโพสต์ดัง กล่าว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเเละเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวด เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ จากเหตุปะทะเเละอาจจะต้องเป็นอัมพาต ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู รพ.วิภาวดีตนและครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
นางสาวเอื้องฟ้ากล่าวต่อว่า วันเกิดเหตุพ่อได้โทรหาตนเองตอนประมาณบ่ายสามโมง
โดยบอกว่าจะไปรับภายหลังได้ ยินข่าวว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มมวลชน ตนจึงบอกพ่อว่าตอนนี้ปลอดภัย เเล้วและจะรออยู่ภายในห้างไอทีสเเควร์เพราะตนมีอาชีพขายอาหารอยู่ที่ ฟู้ดเเลนด์ภายในห้างดังกล่าว หลังจากนั้นเกือบ 1ชั่วโมงตนก็พยายามโทรหาพ่อโทรติดเเต่ไม่มีคนรับจนตอนประมาณ 6โมงเย็นทางรพ.วิภาวดีโทรมาบอกว่าพ่อถูกยิงบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่รพ.รู้สึก ตกใจอย่างบอกไม่ถูก
"พ่อไม่เคยเป็นทหารเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเกิดเเละเติบโตอยู่ที่ อ.หาดใหญ่จ.สงขลาพอช่วงวัยหนุ่มก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป ปัจจุบันพ่อมาอาศัยอยู่กับดิฉัน ที่บ้านย่านหลักสี่10กว่าปีเเล้ว โดยทำอาชีพค้าขาย เข็นรถขายน้ำหวานน้ำอัดลมที่บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา2 ขอยืนยันว่าพ่อ ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเพียงเเต่มีความสนใจการเมืองซึ่งจะติดตาม ข่าวสารตามหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้านเท่านั้นและวันนี้ก็ได้นำบัตรประชาชนของพ่อ มาใช้แสดงเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันว่าพ่อนั้นเป็นคนไทย ร้อยเปอร์เซ็นต์" นางสาวเอื้องฟ้า กล่าวระบายความในใจ
"เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เห็นการเผยเเพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียกล่าวหาว่าพ่อ ไม่ใช่คนไทยและเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร รู้สึกตกใจ เครียดมาก เพราะไม่เป็นความจริงมันเหมือนการซ้ำเติมบาดเเผลความเจ็บปวด แม้แต่ในเรื่องคดีที่พ่อถูกยิง ก็ได้แต่หวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เเต่ก็เผื่อใจไว้ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้ จับผู้กระทะความผิดได้ยาก"นางสาวเอื้องฟ้า กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยการโพสต์ข้อความดังกล่าว เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 เป็นการนำเข้าข้อมูลเท็จจึงได้ประสาน พ.ต.ท.ปรีชาจันทร์มณี พงส.ผนก.กก.2บก.ปอท.ทำการสอบสวนและหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ ไป.