ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.10 น. วานนี้ (9 เม.ย.) ร.ต.ต.สุดใจ กงทอง ร้อยเวร สภ.อ. ไชยวาน จ.อุดรธานี
ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนายทักษิณสงวนนาญ
ผู้ใหญ่บ้านบ้านวังชมภู หมู่ 6 ต.คำเลาะ อ.ไชยวาน ว่า ไฟไหม้โรงเรียนบ้านวังชมภู หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไชยยา อิ่มแสงจันทร์ รอง ผกก.สส. พร้อมกับวิทยุขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากหลายหน่วยงาน
เมื่อไปถึงพบเพลิงไหม้อาคารเรียน 2 ชั้น
ชาวบ้านช่วยกันดับแต่ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อรถดับเพลิงมาถึงได้ฉีดน้ำสกัด แต่เอาไม่อยู่ เนื่องจากเป็นอาคารไม้เก่า ประกอบกับมีลมกระโชกแรง ทำให้เพลิงลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปชั่วโมงเศษจึงสงบ เพลิงโหมวอดหมดทั้งหลัง ค่าเสียหายประมาณ 1,500,000 บาท ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมานายจารึก ปริญญาพล ผวจ.อุดรธานี
พล.ต.ต. ธีรศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ไปตรวจที่เกิดเหตุสอบถามนายสมศักดิ์ ทิพย์โชติ ครูเวรให้การว่า เวลาประมาณ 20.00 น. มาเข้าเวร แต่รู้สึกเงียบผิดปกติไม่เหมือนวันก่อนๆที่จะมีชาวบ้านเข้ามานั่งเล่นในบริเวณโรงเรียน
จึงเดินตรวจไปรอบๆห้องเรียนทุกห้อง
ก่อนจะขึ้นไปนั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องพักครูชั้นบน จนเวลาประมาณ 23.30 น. เดินไปที่บ้านนายทักษิณ สงวนนาญ ผู้ใหญ่บ้านตรงข้ามประตูทางเข้าโรงเรียน นั่งคุยกับนายทักษิณเรื่องเวรยาม เพราะที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านอยู่เวรร่วมกับ โรงเรียนเสมอ
ระหว่างนั้นมองมาที่โรงเรียนเห็นเปลวเพลิง
ออกมาจากหน้าต่างชั้นล่างห้องเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง จึงวิ่งกลับเข้าไปเอาถังดับเพลิงฉีดสกัด แต่ไม่สำเร็จ เลยรีบเข้าไปยกเครื่องคอมพิวเตอร์ออกมา แต่เพลิงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนต้องทิ้งทรัพย์สินทุกอย่าง
อีสานเผาอีก ร.ร.วอดวาย
ไม่สามารถเอาออกมาได้และหนีออกมาก่อนโดนไฟคลอก
สำหรับห้องต้นเพลิงเป็นห้องเรียนชั้นล่าง ไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้า มีเพียงปลั๊กไฟ 2 จุด มีหลอดนีออน 5 หลอด เปิด 2 หลอด มีพัดลมติดฝาผนัง 2 ตัว แต่ไม่ได้เปิด
นายสมศักดิ์เล่าต่อไปว่า สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้
ไม่น่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าหนองหานมาตรวจสายไฟฟ้าภายในโรงเรียนทั้งหมด และยืนยันว่าสายไฟฟ้ายังไม่เสื่อมสภาพสามารถใช้งานได้ และ อบต.คำเลาะ จัดสรรงบประมาณติดตั้งเซฟ ที คัท ในโรงเรียน 2 ตัว และติดตั้งอุปกรณ์ ดับเพลิง อีก 4 ตัว
ขณะที่นายทักษิณ สงวนนาญ
ผู้ใหญ่บ้านให้การลักษณะเดียวกันพร้อมกับกล่าวเสริมว่า จัดกรรมการหมู่บ้านมาอยู่เวรยามร่วมกับครูเป็นประจำ แต่เมื่อคืน ให้ชาวบ้านที่เป็นเวรได้หยุดพัก เพื่อที่จะมาเข้าเวรช่วงสงกรานต์ปิดหลายวันในปลายสัปดาห์
ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ไม่สามารถระบุ
ได้ว่าเป็นไฟช็อตหรือวาง เพลิง ที่ผ่านมาในโรงเรียนหรือชาวบ้านกับครูไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน
ส่วนนายเฉลิมชัย วิรุณพันธ์ ผอ.โรงเรียนบ้านวังชมภูกล่าวว่า
เป็นโรงเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 140 คน ตนเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งได้ 2 เดือน สำหรับเรื่องเวรยามได้สั่งให้ครูเวรมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตนอยู่เวรกลางคืนเพราะโรงเรียนมีครูแค่ 6 คน
เป็นครูสตรี 4 คน ให้มาอยู่เวรตอนกลางวัน ก่อนเกิดเหตุโทรศัพท์มาบอกให้นายสมศักดิ์ ทิพย์โชติ อยู่เวร
สำหรับอาคารที่เสียหายเป็นอาคารไม้ 8 ห้องเรียน
สร้างมาตั้งแต่ปี 2519 ส่วนห้องเรียนด้านล่างชาวบ้านหางบประมาณมาต่อเติม ก่อนหน้านี้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอจำหน่ายอาคารดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รื้อถอน
จึงยังใช้สอนหนังสืออยู่ ขณะที่ทรัพย์สิน
ที่เสียหายไปกับกองเพลิงมีคอมพิวเตอร์ 8 เครื่อง โทรทัศน์ 2 เครื่อง เอกสารที่สำคัญของราชการ ส่วนสาเหตุต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการมาตรวจพิสูจน์
นายประเวศน์ รัตนวงศ์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี
เขต 3 กล่าวว่า ความขัดแย้งภายในโรงเรียนไม่มี เนื่องจากมีครู 6 คน และเป็นคนในหมู่บ้าน จะต้องของบประมาณเพื่อจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ แต่ในช่วงหลังเปิดเทอมต้องใช้เต็นท์กางเรียนไปก่อน
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนา
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 ไปที่โรงเรียนสอบถามรายละเอียดจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากนั้น พล.ต.ศักดิ์ศิลป์กล่าวว่า ต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ซึ่งเริ่มเก็บเอกสารหลักฐานไปบ้างแล้ว
ด้าน จ.นครพนม บ่ายวันเดียวกัน
พ.ต.อ.นคร เกษมสุข ผกก.สภ.อ.นาหว้า จ.นครพนม นำกำลังตำรวจจับกุมนายปานทอง อรโสภา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 10 บ้านโนนไทรทอง ต.แพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
หลังจากมีหลักฐานว่าเป็นคนวางเพลิง
โรงเรียนบ้านนาหว้าราษฎร์บำรุง อ.นาหว้า จ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้อาคารชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวม 4 ห้องเรียนเสียหายทั้งหลัง
พ.ต.อ.นครเปิดเผยว่า
การสืบทราบครั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เม.ย. เกิดเพลิงไหม้กระท่อมกลางทุ่งนา ห่างจากโรงเรียนบ้านนาหว้าราษฎร์บำรุง 2 กิโลเมตร ชาวบ้านแจ้งเบาะแสว่าเห็นชายเดินถือขวดเข้าไป
โดยนายปานทองซึ่งเป็นคนเร่ร่อนต่างถิ่น
เพิ่งมาอาศัยอยู่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เมื่อนำตัวมาสอบสวนก็สารภาพว่าเดินทางมาจาก อ.คำตากล้า ขณะเดียวกันชอบดื่มเหล้าและดมทินเนอร์ ก่อนเกิดเหตุเข้าไปในโรงเรียนบ้านนาหว้าราษฎร์บำรุงทั้งๆที่เมาทินเนอร์ ตั้งใจจะเข้าไปนอนพักโดยงัดหน้าต่างปีนเข้าด้านหลัง
นายปานทองสารภาพอีกว่า
ก่อนนอนได้เททินเนอร์ จากขวดใส่กระป๋องกาแฟและจะจุดไฟส่องสว่าง แต่ กระป๋องกาแฟคว่ำ จึงทำให้ไฟลุกไหม้อาคารอย่างรวดเร็ว จึงปีนหนีออกทางหน้าต่าง การกระทำดังกล่าวไม่ได้รับการว่าจ้างจากใคร
และไม่มีเจตนาเผาโรงเรียน
ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่กระท่อมกลางทุ่งนานั้นอยู่ในสภาพเมามากเลยพลาดเกิดไฟไหม้ขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อในคำให้การมากนัก จะส่งตัวนายปานทองไปตรวจร่างกายว่าเสียสติหรือไม่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ