ประหาร 5 โจ๋ ฆ่านศ.รามฯ

"ศาลสั่งประหาร ปราณีลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต"



ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 9 เม.ย. ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง

นายชนะ บุญทีฆะ อายุ 25 ปี

น.ส.ผกามาศ ตู้มณี อายุ 18 ปี นายนรินทร์ โพธิ์พูน อายุ 19 ปี นายดนัย พงศ์ฉวี อายุ 22 ปี และนายสมชาย พวงพิกุล อายุ 25 ปี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและทารุณโหดร้าย พกพาอาวุธมีด และปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ปฏิเสธชั้นศาล

คำพิพากษาใจความว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 49

เวลา 22.00 น. กลุ่มจำเลยนั่งดื่มกินอยู่ที่ห้องพักให้เช่าไม่มี เลขที่ หลังตลาดแสงจันทร์ ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ในงานเลี้ยงวันเกิดของ น.ส.ผกามาศ ตู้มณี จำเลยที่ 2 ซึ่งมีอายุครบ 18 ปี

ต่อมามีนายพิทักษ์ งิ้วลาย อายุ 24 ปี

พนักงานแผนกตรวจสอบสินเชื่อ บริษัทจีอี แคปปิตอล และกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อนชายของ น.ส.ผกามาศ ที่แอบคบกันอยู่โทรศัพท์เข้าเครื่องมือถือของฝ่ายหญิงพอดี

นัดให้ไปพบที่ร้านปิ้งชมพู่ ย่านถนนจันทน์

เป็นเหตุให้นายนรินทร์ โพธิ์พูน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนรักของ น.ส.ผกามาศอยู่แล้วไม่พอใจและวางแผนให้แฟนสาวยอมรับนัดนายพิทักษ์มาพบที่ซอยเจริญกรุง 57 หรือซอยสุสานป่อเต็กตึ๊ง หลังโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย



เมื่อนายพิทักษ์มาตามนัด กลุ่มของนายนรินทร์จึงร่วมกัน

ใช้ มีดรุมแทงที่ใบหน้า หน้าอก หลัง และท้อง จนตับ ปอด ไตฉีก กระทั่งนายพิทักษ์ถึงแก่ความตายแล้วพากันหลบหนี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุม กลุ่มจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นนำสืบว่า เป็นการทะเลาะวิวาทกัน ไม่ทราบว่าใครเป็นคนแทงให้นายพิทักษ์ตาย แค่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า

พวกจำเลยวางแผนเป็นขั้นตอนในการลวงผู้ตายออกมาร่วมกันใช้อาวุธมีดรุมแทง แม้กระทั่งจำเลยที่ 2 ยังพูดกับจำเลยที่ 3 ว่า เอามันให้ตาย แสดงว่ามีเจตนาร่วมกันมาแต่แรก คดีนี้ยังมีประจักษ์

พยานหลายปากพบเห็นกลุ่มจำเลย

นั่งดื่มกินกันที่ห้องพักแล้วพากันไปหยิบมีดเดินหายไปพักหนึ่ง ก่อนกลับมาพร้อมด้วยเสื้อผ้าและมีดเปื้อนเลือด มี ร.ต.อ.ธีรพันธ์ ณ ลำปาง หัวหน้าสายตรวจ สน.ยานนาวาเบิกความว่า

เมื่อรับแจ้งเหตุไปดูศพแล้วสืบทราบในทันทีว่า

พวกคนร้ายย้อนไปที่ ห้องพักหลังตลาดแสงจันทร์ จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น พบกลุ่มจำเลยยังนั่งดื่มกินกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด ของกลางก็อยู่ครบ

ศาลเห็นว่า พยานโจทก์ล้วนสอดคล้องกันอย่างมีเหตุผล

ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ด้วยศาลเห็นว่า เมื่อกระทำผิดแล้วจำเลยได้เอารถจักรยานยนต์ ไปซ่อน แต่ยังไปปรากฏว่ามีเจตนาจะลักทรัพย์ จึงไม่เป็นปล้นทรัพย์ ศาลได้พิพากษาว่า

จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพกพาอาวุธมีด

ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งห้าและปรับ 100 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีประโยชน์คงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ปรับคนละ 50 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 แม้จะมีอายุ 18 ปี แต่ได้กระทำผิดในขณะรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่มีเหตุลดอัตราส่วนโทษให้ แต่ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ให้ยกฟ้อง



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์