นำตัวฆาตกรโหดฆ่า 2 เด็กชายลูกครึ่ง-พี่เลี้ยงสาว ทำแผนนาทีสังหารโหด พ่อแม่-ชาวบ้านรุมด่าประชาทัณฑ์
กรณีคนร้ายฆ่า 2 เด็กชายลูกครึ่งไทย-อเมริกัน กับพี่เลี้ยงสาววัย 18 ปี เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมรวม 3 ศพภายในบ้านพัก หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิล 2 ซอยบุญสัมพันธ์ หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเช้าตรู่วันที่ 11 ม.ค.ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ต่อมาศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับนายประจักษ์ มาแสวง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/366 หมู่ 3 ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาในคดีนี้ เบื้องต้น พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โกสินทร์ รอง ผบช.ภ.2 สั่งการให้ระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในส่วนของ สภ.หนองปรือ, กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี และ บก.สส.ภ.2 เร่งออกไล่ล่า เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 มกราคมี่ผ่านมา นายไพฑูรย์ มาแสวง อายุ 46 ปี บิดาของนายประจักษ์ ได้พาลูกชายเดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ก่อนที่จะนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในคดีร่วมกันลักทรัพย์, กักขังหน่วงเหนี่ยว และพยายามฆ่า ที่ก่อเหตุในท้องที่ สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี ได้นำตัวนายประจักษ์ พร้อมของกลาง เดินทางมาที่ สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โดยมี พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.หนองปรือ รอรับตัว สอบปากคำให้การรับสารภาพว่า ในคืนเกิดเหตุตนได้ไปนั่งดื่มสุรารอรับแฟนสาวที่หน้าบ้านของนางวิไลวรรณ แต่แฟนสาวกลับผิดเวลา จึงเข้าไปในบ้านซึ่งไม่ได้ล็อคประตู เพื่อให้ น.ส.วิภาวี โทรศัพท์ไปหานางวิไลวรรณ แต่ น.ส.วิภาวี กลับโวยวายด่าทอตนจนเกิดการโต้เถียงกัน ด้วยความโมโหบีบคอจนสลบและกำลังจะลงมือข่มขืน แต่ ด.ช.โจเซฟ ตื่นและวิ่งมาช่วยพี่เลี้ยงสาว จึงไปหยิบมีดในครัวมาจ้วงแทงทั้งคู่จนเสียชีวิต และใช้ผ้าขนหนูรัดคอ ด.ช.ไมเคิล น้องชาย เพราะตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแงและกลัวข้างบ้านได้ยินเสียง ก่อนขโมยทรัพย์สิน ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1เครื่อง แทปเล็ต 1 เครื่อง กล้องวีโอ-ภาพนิ่ง อย่างละ 1 ตัว เหรียญทองคำแท้น้ำหนัก 7 กรัม และกระเป๋าสตางค์ภายในมีเงินสดจำนวนหนึ่ง แล้วออกมานั่งรอที่หน้าบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งแฟนสาวกลับมาจึงรีบพาขึ้นรถ จยย.ขับหลบหนีไป
นายประจักษ์ ให้การรับสารภาพอีกว่า ระหว่างทางได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. บ้านหนองแขวะ ต.บึง อ.ศรีราชา
และทิ้งซิมโทรศัพท์ของผู้ตายไว้ในห้องน้ำ ก่อนนำแท็ปเล็ตไปขายที่ชลบุรี ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ และอาวุธมีดได้ทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหนีไปกบดานที่บ้านเพื่อนใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงโทรศัพท์หาพ่อที่อยู่ อ.ท่าม่วง ซึ่งพ่อได้เกลี้ยกล่อมขอร้องให้ตนยอมมอบตัวกับตำรวจเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงให้พ่อพาเข้ามอบตัวกับตำรวจดังกล่าว
ทั้งนี้ บ่ายของวันที่ 13 มกราคม หลังประชาชนทราบข่าวว่าคนร้ายเข้ามอบตัวแล้วและตำรวจกำลังจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จึงพากันเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 คน เพื่อรอดูโฉมหน้าฆาตกรรายนี้ ต่างก่นด่าสาปแช่งคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหด บางส่วนได้ฮือเข้ามาในหมู่บ้านจนประตูเหล็กหน้าหมู่บ้านพังเสียหาย ท่ามกลางกำลังที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยกว่า 200 นาย แต่ภายหลังเกรงว่าผู้ต้องหาจะไม่ปลอดภัย ตำรวจจึงยกเลิกการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จนกระทั่งเมื่อเลา 21.00 น. วันที่ 13 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายประจักษ์ หรือ ออฟ เดินทางเข้าทำแผนประกอบคำรับสารภาพอีกครั้ง
ยังบ้านที่เกิดเหตุหมู่บ้านพาราไดซ์ฮิล 2 แต่ก็ยังพบชาวบ้านที่เฝ้ารอกันตั้งแต่ช่วงบ่ายรอคอยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายประจักษ์ หรือ ออฟ เดินทางมาถึง กลุ่มชาวบ้านกว่า 300 คนที่มาดักรอต่างพากันกรูเข้ามา พร้อมด้วยเสียงด่าทอสาปแช่ง เจ้าหน้าที่ต้องตรึงกำลังกว่า 200 นายในการทำแผนครั้งนี้ และขณะที่นำตัวนายประจักษ์ เข้าไปทำแผนในบ้านบรรดาญาติของหนู้น้อยที่เสียชีวิตต่างพากันวิ่งเข้าชกต่อยด้วยความโกรธแค้นอย่างมากรวมถึงพ่อและแม่ของเด็ก ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำแผนเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามาถนำตัวผู้ต้องหาออกจากที่เกิดเหตุได้เนื่องจากมีชาวบ้านที่ดักรออยู่ด้านนอกพร้อมที่จะรุมประชาทันฑ์ทั้งนี้ใช้เวลาในการนำตัวผู้ต้องหาออกจากที่เกิดเหตุกว่า 6 ชม. โดยต้องปลอมเป็นเจ้าหน้าที่แล้วพาเดินขึ้นรถออกไป