นักข่าวสาวเจอแท็กซี่หื่น สำเร็จความใคร่ในรถ ขณะจอดอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ย่านอ่อนนุช หวั่นมีสาวหลงขึ้นรถ เกรงเหตุอันตราย แพทย์ชี้เป็นพวกชอบโชว์
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ผู้สื่อข่าวหญิงของสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มเศษ ของวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงที่สถานีอ่อนนุช เพื่อกลับบ้าน หลังจากนั้นได้ไปรถประจำทางที่ป้ายรถประจำทางตรงข้ามโลตัส อ่อนนุช เพื่อนั่งรถกลับบ้าน ปรากฏว่ามีรถแท็กซี่สีขาวชมพูได้มาจอดอยู่ด้านหน้าตน ห่างเพียงไม่กี่ฟุต ตนจึงมองเข้าไปในรถแท็กซี่ซึ่งกระจกรถเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นคนขับได้ ปรากฏว่าคนขับรถแท็กซี่ได้มือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองต่อหน้าต่อตา พร้อมกับหันมามองหน้าตนเป็นระยะ
ตอนนั้นตกใจมากทำอะไรไม่ถูก แต่ได้ควบคุมสติเอาไว้ แล้วใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวีดีโอไว้ จากนั้นได้ส่งภาพวีดีโอดังกล่าวไปให้เพื่อนดู ซึ่งเพื่อนได้ให้คำแนะนำให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่คิดว่าไม่ได้รับความเสียหายทางร่างกายจึงอยากนำเรื่องนี้มาเตือนผู้หญิง ทุกคนเพื่อเป็นอุทาหรณ์
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีก เนื่องจากรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดอยู่ในที่สาธารณะ และจอดอยู่คันหน้าสุด
โดยมีแท็กซี่คันอื่น ๆ จอดอยู่ต่อท้ายด้วย หากมีใครก็ตามต้องการขึ้นรถแท็กซี่ จะต้องขึ้นรถคันนั้นเพราะจอดอยู่คันแรก ถ้าหากมีผู้หญิงขึ้นรถคันนั้นไป ก็อาจจะเป็นอันตรายได้ เนื่องจากแท็กซี่ยังอยู่ในภาวะมีอารมณ์เพศ ยังดีที่ว่าในขณะนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งรอรถเมล์ด้วย ทำให้คนขับรถแท็กซี่ขับรถออกไปทันทีแต่ขับไปไม่ไกลนัก แค่เคลื่อนรถออกไปจอด ห่างจากจุดเดิมเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า
พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่า กามวิตถาร เป็นพวกชอบโชว์ โดยส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่ค่อยอันตราย โดยเป็นคนละกลุ่มกับพวกที่ใช้ความรุนแรงทางเพศ โดยกลุ่มที่ใช้ความรุนแรแรงอาจจะซุ่ม ฉุด ลวนลาม แต่กลุ่มนี้ไม่ใช่
“สาเหตุการณ์โชว์เกิดจากเขามีประสบการณ์ทางเพศไม่ค่อยดี ทำให้แสดงออกไม่เหมาะสม อาจเป็นช่วงวัยรุ่นเรียนรู้เรื่องเพศไม่ดี ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศได้ตามปกติ วิธีที่ดีที่สุดคือนิ่ง เพราะแนวโน้มเขาไม่ทำอันตรายอยู่แล้ว หรืออาจจะเดินหนี ไม่สนใจ เป็นการทำลายความมั่นใจเขา ดังนั้นไม่ต้องตกใจ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรได้รับการแก้ไข ถ้าไม่แก้ไข ไม่ควบคุมตัวเอง ก็จะเกิดผลเสีย ถ้าคนอื่นรู้ก็กระทบการงาน การใช้ชีวิต” พญ.พรรณพิมล กล่าว.