ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม
ระหว่างที่น.ส.เพ็ญพรรณ แหลมหลวง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานสดสถานการณ์การชุมนุม อยู่บนรถถ่ายทอดสด (โอบี) ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท.ที่จอดอยู่หน้ากองสลากเก่าซึ่งเป็นมุมสูงได้ถูกผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งตะโกนด่าทอพร้อมเป่านกหวีดใส่และเมื่อลงมาจากรถคันดังกล่าวก็ถูกต่อว่าและพยายามทำร้ายร่างกาย
แกนนำ กปปส. โดยไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
แต่เมื่อลงจากรถปรากฎว่าชายคนหนึ่งตะโกนว่า "ขี้ข้าทักษิณ รายงานได้อย่างไรมีผู้ชุมนุม 3 พันคน" จากนั้นผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์เข้ามาล้อมรถ และตนก็พยายามขอโทษพร้อมยืนยันว่าไม่ได้รายงานจำนวนคน แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายผู้ชุมนุมสาดน้ำเข้าที่หน้า และชายคนหนึ่งชกแขนซ้ายของตน รวมทั้งกระชากแขนไม่ให้ขึ้นรถออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้มีการทำร้ายผู้ช่วยช่างภาพโดยผลักจนล้มและจะกระทืบแต่มีการห้ามปรามทัน
ทั้งนี้ทีมข่าวพยายามนำรถออกนอกพื้นที่ก็ยังถูกขว้างขวดน้ำทุบรถซึ่งทั้งหมดได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สน.ดุสิต แล้ว
นอกจากนี้ในช่วงเช้าขณะที่ทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กำลังรายงานสถานการณ์การชุมนุม บริเวณหน้าศาลาว่าการกทม. มีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งล้อมตะโกนต่อว่าพร้อมเป่านกหวีดไล่ โดยน.ส.วารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย ผู้สื่อข่าวช่อง3 ที่รายงานสดอยู่บนหลังคารถถ่ายทอดสดทันทีที่รายงานเสร็จกำลังลงจากรถ ถูกผู้ชุมนุมเดินเข้าหาและพยายามทำร้ายร่างกาย แต่ทีมงานช่อง3 เข้าช่วยป้องกันไว้ โดยมีผู้ชุมนุมรายหนึ่งตะโกนว่า "จะผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็จะต่อยหมด"
ขณะที่บนเวทีปราศรัย หลังเกิดเหตุทีมข่าวช่อง 9 ถูกทำร้าย แกนนำได้ขึ้นเวทีประกาศห้ามปรามไม่ให้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว โดยระบุว่าเป็นหน้าที่ต้องเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของการชุมนุม
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกศอ.รส. กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมคุกคามทำร้ายสื่อมวลชนว่า ผู้ได้รับอันตรายเสียหายต่อร่างกายหรือทรัพย์สามารถเข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีได้