โรงงานพลุระเบิด-คนงานร่างแหลก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.ณรงค์ แก้วคำ ร้อยเวร สภ.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

รับแจ้งมีเหตุโรงงานพลุระเบิดมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่โรงงานทำพลุของนายกัมปนาท นามพรหม อายุ 45 ปี เลขที่ 104 หมู่ที่ 10 ต.ยางซ้าย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายปวิณ ขำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พล.ต.ต.สมศักดิ์ โอภาสเจริญกิจ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ. ชูเดช กองกันภัย รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เจ้าหน้าที่วิทยาการ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของ ภ.จว.อ่างทอง เจ้าหน้าจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอ่างทอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูอ่างทอง มูลนิธิการกุศลวิเศษไชยชาญ และเจ้าหน้าที่สมาคมวีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง

 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทำพลุลูกก้อง แบ่งเป็น 2 โรง โรงแรกเป็นโรงสำหรับประกอบลูกก้อง

ภายในมีโต๊ะสำหรับบรรจุดินระเบิดใส่ลูกก้องอยู่หลายโต๊ะ มีทั้งลูกก้องที่บรรจุแล้ว และรอการบรรจุ อีกอาคารหนึ่งซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเป็นอาคารสำหรับผสมดินระเบิด ซึ่งได้รับแรงระเบิดจนไม่เหลือซาก อยู่ห่างจากอาคารที่บรรจุลูกก้องประมาณ 20 เมตร แรงระเบิดทำให้ตัวอาคารเสียหายทั้งหมด เหลือเพียงแต่เสาปูน ตัวพื้นปูนซึ่งปูกระเบื้องไว้เป็นหลุมขนาดกว้างประมาณ 2 เมตร จำนวน 2 หลุม มีเศษถังบรรจุดินเทาซึ่งเป็นส่วนผสมสารเคมีสำหรับผสมทำดินระเบิดกระจัดกระจายอยู่

 เจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกหน่วยร่วมกันกระจายกำลังปูพรมหาเศษชิ้นส่วนผู้เสียชีวิต

ทราบชื่อ นายไพบูลย์ ทองแตร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ที่ 6 ต.ยางซ้าย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง คนงานผสมดินระเบิด ซึ่งขณะเกิดเหตุกำลังผสมดินระเบิดอยู่ในตัวโรงงาน ซึ่งชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตนั้นกระเด็นกันไปคนละทิศละทาง ส่วนศีรษะและช่วงตัวด้านบนพบในทุ่งนาห่างจากโรงงานไปประมาณ 50 เมตร บริเวณขาและอวัยวะส่วนอื่นๆ ก็กระเด็นออกไปตามทุ่งนา และตามหลังคาของโรงงานในรัศมีประมาณ 50 เมตรเช่นกัน

 จากการสอบถามนางราตรื ทองแตร อายุ 43 ปี ภรรยานายไพบูลย์ กล่าวว่า นายไพบูลย์ สามีตน
 
มีหน้าที่ผสมดินระเบิด แล้วนำดินที่ผสมแล้วมาส่งให้พวกตนและลูกจ้างคนอื่นมาบรรจุลงในลูกก้อง เมื่อช่วงเช้าตนพร้อมด้วยคนงานอีก 2 คน นั่งบรรจุดินระเบิดใส่ลูกก้องอยู่ในโรงงาน โดยนำหลานวัย 2 ขวบมาเลี้ยงอยู่ในโรงงานด้วย โดยให้นอนอยู่ในเปล  ส่วนนายไพบูลย์นั้นผสมดินระเบิดอยู่ในโรงงานข้างหลัง ระหว่างนั่งทำงานอยู่นั้น ก็เห็นมีแสงไฟขึ้นมาที่ตัวโรงงานข้างหลังแล้วก็เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ตนจึงได้วิ่งไปคว้าหลานวิ่งออกมานอกโรงงาน แล้วก็แจ้งให้คนมาช่วยเหลือ ซึ่งพอหันหลังมาดู ก็เห็นว่าโรงงานที่นายไพบูลย์กำลังผสมดินระเบิดอยู่นั้น พังจนไม่เหลือซาก

 ด้านนางสาวกฤตยา คำศักดิ์ดา อายุ 22 ปี เจ้าของโรงงาน กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวนั้นตนและสามีมาซื้อที่และเปิดทำได้ 3 ปี แล้ว ช่วงที่เกิดเหตุตนไม่ได้ไม่อยู่ มีคนงานโทรไปแจ้งว่าโรงงานระเบิดตนจึงได้รีบเดินทางมาดู ส่วนสามีตนไปทำธุระที่อื่นยังไม่กลับมา

 พล.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าโรงงานดังกล่าวเปิดมาได้ประมาณ 3 ปี ก่อนเกิดเหตุ คนงานทำงานกันตามปกติ

จนกระทั่งเกิดระเบิดขึ้นและพบว่ามีผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องปูพรมกันค้นหาชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตในรัศมี 100 เมตร ซึ่งก็พบว่าชิ้นส่วนกระเด็นกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าผู้ตายทำหน้าที่ผสมดินระเบิดอยู่ในโรงงาน คาดว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากการเสียดสีหรือแรงกระแทก เป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจจะลากถังบรรจุดินเทา ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ผลิตดินปืน หรือไม่ก็เคลื่อนย้ายโดยเกิดแรงกระแทก ทำให้เกิดเปลวไฟและระเบิดขึ้น ซึ่งตัวผู้ตายนั้นไม่สูบบุหรี่ และตัวโรงงานหลังที่เกิดเหตุนี้ ก็ไม่ได้มีการติดตั้งกระแสไฟฟ้าไว้

 พล.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ยังพบถุงที่บรรจุสารโปแตสเซียมที่ใช้ทำดินระเบิดจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารที่ต้องห้าม เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการสืบสวนแหล่งที่มาว่าได้มาอย่างไร แต่จากตรวจสอบเบื้องต้นโรงงานแห่งนี้มีการขออนุญาตเปิดถูกต้อง

 ด้านนายปวิณ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเสียงระเบิดจากโรงงานพลุดังมาก ขนาดตนอยู่ที่จวนผู้ว่าฯ ซึ่งไกลกว่าที่เกิดเหตุกว่า 30 กม. ยังได้ยินเสียงระเบิดและหลังเข้าตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่กลางทุ่งนาห่างจากชุมชนแต่อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียด และทำการช่วยเหลือผู้เสียชีวิตเป็นการด่วน