พระคลั่งโดดรถตู้โดยสาร ปิกอัพทับร่างแหลก

 พระคลั่งโดดรถตู้โดยสาร ปิกอัพทับร่างแหลก


พระคลั่งโดดรถตู้โดยสาร ถูกเก๋ง-ปิกอัพพุ่งทับมรณภาพสยองคาถนนสายเอเชีย เมืองกรุงเก่า คาด เครียดจากปัญหาบางอย่างแล้วหาทางออกไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ร.ต.ท.สิทธิชัย รูปงาม ร้อยเวร สภ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

 รับแจ้งเหตุพระภิกษุกระโดดจากรถตู้โดยสารถูกรถยนต์พุ่งทับเสียชีวิต ที่บริเวณจุดกลับรถหน้าวัดบ้านแจ้ง ถนนสายเอเชีย ช่วงกม.ที่ 36-37 จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณกลางถนนพบศพพระสมพร ศรีสมบัติ อายุ 35 ปี พระลูกวัดต้นต้อง ต.บ้านฝ้าย อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 

ในสภาพนอนหงายจมกองเลือด คอหัก แขนขาหัก ร่างกายแหลกเหลวจากการถูกรถทับเป็นที่น่าสยดสยอง ห่างไปประมาณ 200 เมตร พบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮภ-5469 กรุงเทพมหานคร วิ่งระหว่างกทม.-พิษณุโลก ตรวจสอบที่บริเวณกระจกฝั่งขวาด้านหลังสุดมีร่องรอยถูกทุบตีจนแตกทั้งบ้า พบผู้โดยสารที่มากับรถ 8 คน อยู่ในอาการตื่นตกใจยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

สอบสวนนายศรีวิชัย เทพภูตา อายุ 26 ปี โชเฟอร์รถตู้ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับผู้โดยสารจากกทม.ทั้งหมด 9 คน

 มุ่งหน้าไปส่งที่ จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุได้ชะลอรถเพื่อเตรียมจะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อให้ผู้โดยสารได้ทำธุระส่วนตัว ระหว่างนั้นได้ยินเสียงกระจกแตกดังมาจากด้านหลังรถ ก่อนที่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหลังจะตะโกนเสียงดังลั่นว่ามีพระภิกษุพุ่งตัวออกไปนอกรถ และเป็นจังหวะเดียวกับมีรถปิกอัพ และรถเก๋งหลายคัน ที่ขับตามหลังมาพุ่งชนพระภิกษุรูปดังกล่าวจนร่างแหลกเสียชีวิตคาที่

นายศรีวิชัย ให้การต่อว่า จากการสอบถามผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้ตาย 

ทราบว่า ระหว่างทางที่ผู้ตายนั่งมาในรถ ได้เล่นแท็บเล็ตมาโดยตลอด กระทั่งพอใกล้ถึงจุดเกิดเหตุผู้ตายได้พูดคุยโทรศัพท์มือถือกับปลายสายในทำนองว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ” ก่อนจะใช้แท็บเล็ตทุบกระจกแล้วพุ่งตัวออกไปจนถูกรถยนต์ที่ตามหลังมาทับร่างเสียชีวิตดังกล่าว

ด้าน ร.ต.ท.สิทธิชัย กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะเกิดความเครียดจากปัญหาบางอย่าง แล้วหาทางออกไม่ได้ จึงตัดสินใจทุบกระจกรถแล้วกระโดดลงมาให้รถทับเพื่อฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อญาติมาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์