คลั่งถูกทวงหนี้ ชายฉกรรจ์ 30 คนแต่งชุดดำบุกปล้นทำลายทรัพย์สินบริษัทผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์กลางดึก แถมจับยามเป็นตัวประกัน 2 คนไปด้วย ก่อนปล่อยทิ้งกลางทาง ตำรวจสกัดล่าได้ 17 คน ถูกแจ้งข้อหาอ่วม
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พ.ต.ท.อุทัย ปุชิน พนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร จ. อุบลราชธานี
เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 10 ต.ค.ทีผ่่านมา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าบริษัทพีที ไดร์ว (ประเทศไทย )จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านคันลึม ถนนสายพิบูล-โขงเจียม ต.ทรายมูล เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จึงไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก.สภ.พิบูลมังสาหาร และกำลังชุดสายสืบ
ที่เกิดเหตุพบทรัพย์สินภายในบริษัทถูกทุบตัดและทำลายเสียหายจำนวนมาก
ส่วนคนร้ายเป็นชายไทยประมาณ 30 คน มีทั้งสวมเสื้อลายพรางคล้ายทหาร แต่งหายคล้ายตำรวจและชุดดำ เข้าทำลายทรัพย์สินภายในบริษัทโดยตัดสายไฟและถอดกล้องวงจรปิด รวมทั้งเครื่องบันทึกภาพ พร้อมควบคุมตัวรปภ.เฝ้าบริษัท 2 คน คือนายประสงค์ อ้วนศรี และนายวีระชัย สุภาสาย ขึ้นรถตู้ไปด้วย ต่อมาได้ปล่อยตัวทิ้งไว้ในเขตจ.ศรีสะเกษ
จากนั้นตำรวจได้ประสานพื้นที่ใกล้เคียง กระทั่งเวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา
ตำรวจทางหลวงดอนจิก สามารถสกัดจับรถต้องสงสัยไว้ได้เป็นรถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฮง 76 กรุงเทพมหานคร พร้อมคนในรถ 17 คน ซึ่งแต่ละคนสวมชุดสีดำลักษณะคล้ายทหาร ตำรวจ จึงควบคุมตัวไว้ทั้งหมด ได้แก่ นายปริวัฒน์ จันทร์ภิรมย์ อายุ 43 ปี นายชรัตน บุญเขียน อายุ 37 ปี นายทองพูล ค่ายมั่น อายุ 46 ปี นายพรชัย เชื้อพันธ์ อายุ 35 ปี นายชายแดน แสนเทพ อายุ 33 ปี นายขจร เดช ขจรเดช อายุ 46 ปี นายสกนธ์ นาดี อายุ 45 ปี นายสะอาด การสมพิศ อายุ 41 ปี นายวุธิชัย สุขพันธ์ อายุ 50 ปี นายจักรพันธ์ โกศล จิตร อายุ 24 ปี นายสุริยะ ภุมภิโร อายุ 56 ปี นายปริญญา เปลี่ยนภักดี อายุ 27 ปี นายเกรียงศักดิ์ มะลิวัลย์ อายุ 41 ปี นายพิทักษ์ อุทธิยา อายุ 48 ปีนาณรงค์ ปัญโญ อายุ 47 ปี นายจักรเทพ โกศลจิตร อายุ 43 ปี และนายบุญส่ง ทองเงิน อายุ 42 ปี
นอกจากนี้ได้ตรวจค้นรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือไว้ตรวจสอบ นำตัวทั้ง 17 คน ไปควบคุมไว้ที่โรงพัก
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุสมควร ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั่นเองหรือของผู้อื่นได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กระทำโดยอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและเป็นซ่องโจร นำส่ง พ.ต.ท.อุทัย ปุชิน พนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายอมรเทพ รัตนภรณ์ วิศวกรของบริษัทให้การว่า บริษัทมีเรื่องฟ้องร้องดำเนินการกับบริษัทคู่กรณีแห่งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ได้ชำระหนี้ให้บริษัท ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฎิเสธ อ้างว่าไม่ได้เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุแต่อยู่ด้านหน้าทางเข้าบริษัทที่เกิดเหตุ
ตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานแวดล้อมประกอบคำให้การของพยานและหาภาพวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพกลุ่มผู้ต้องหาได้ เพื่อส่งดำเนินคดี พร้อมขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป