จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา มีผู้พบศพนายไพศาล พาชื่นใจ อายุ 41 ปี อยู่ภายในบ้านเลขที่ 9 หมู่ 6 บ้านดอนมัน ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
สภาพศพเปลือยถูกยัดอยู่ในตู้ที่วางถ้วยชามภายในครัว โดยศีรษะถูกของมีคมฟันจนกะโหลกเปิดหายไปครึ่งหนึ่ง ส่วนบริเวณปาก ลำคอ หน้าอก ลงไปจนถึงอวัยวะเพศ ถูกผ่าแหวะออกเป็นแนวยาว โดยคนร้ายได้ควักลิ้น หัวใจ และอวัยวะภายใน ไปกระจายทิ้งตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน อาทิ ที่วางจานชามในห้องครัว อ่างล้างมือ เครื่องซักผ้า ถังขยะหน้าบ้าน และริมรั้วข้างบ้าน
สอบสวนนายพะชิดพล พาชื่นใจ อายุ 56 ปี พี่ชายผู้ตาย ให้การว่า
เมื่อค่ำของวันที่ 2 ต.ค. น้องชายบอกกับตนว่าจะออกไปหาเพื่อนสนิทชื่อนายเฉลิมพล มะศรีผา เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ แต่จนถึงตอนเช้าก็ไม่เห็นน้องชายกลับมาบ้าน จึงออกไปตามหาที่บ้านหลังเกิดเหตุ โดยพอไปถึงพบประตูบ้านล็อกอยู่ พยายามเคาะและตะโกนเรียกเท่าใดก็ไม่มีคนเปิดประตู เลยเดินไปที่รั้วข้างบ้าน ก็พบหยดเลือดเป็นทางยาว และได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดมาก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และถึงกับต้องเป็นลมเข่าอ่อน เมื่อพบศพน้องชายถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
นายพะชิดพล ให้การต่อว่า ปกติน้องชายกับนายเฉลิมพลเป็นเพื่อนสนิทกัน มักจะออกไปดื่มเหล้าด้วยกันเป็นประจำทุกวัน โดยน้องชายเคยเล่าให้ฟังว่า นายเฉลิมพลมีอาการป่วยทางประสาท ที่ผ่านมาเคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาฯมาแล้ว
รวบแล้วหนุ่มคลั่ง! ฆ่าชำแหละศพเพื่อน อ้างแค้นว่าแม่-หลอนเป็นหมอผ่าตัด
ด้าน พ.ต.ท.ก้องวิทยา กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า
ผู้ก่อเหตุฆ่าชำแหละศพครั้งนี้คือ นายเฉลิมพล เจ้าของบ้าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบตัว คาดว่าขณะก่อเหตุอาการป่วยคงกำเริบแล้วหลบหนีไป ซึ่งตำรวจได้กระจายกำลังออกติดตามตัวแล้ว เมื่อเวลา 23.00 น. คืนเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ตำรวจ สภ.ประทาย จ.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.อ.สนอง บุญเกิด ผกก.สภ.ประทาย สามารถติดตามจับกุมตัวนายเฉลิมพล มะศรีผา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 6 บ้านดอนมัน ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายไพศาล ผู้ตายได้แล้ว โดยจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านญาติที่บ้านหลุ่งจาน ต.วังไม้แดง อ.ประทาย ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ 35 กม.
โดยนายเฉลิมพล อยู่ในอาการเหมือนคนเป็นโรคจิต ประสาทหลอน พูดจาไม่รู้เรื่อง และบ่นว่าตัวเองกำลังถูกตามฆ่า และพยายามจะฆ่าตัวตายในห้องควบคุมผู้ต้องหา ของ สภ.ประทาย พ.ต.อ.สนอง จึงสั่งการให้ตำรวจเข้าเวรยาม เฝ้าดูพฤติกรรมนายเฉลิมพล ตลอดทั้งคืน จากนั้น วันที่ 4 ต.ค. รุ่งเช้า ก็ได้นำตัวนายเฉลิมพล มาสอบปากคำ แต่ผู้ต้องหายังให้การไม่ได้ อยู่ในอาการซึมเศร้า ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจเตรียมนำตัวผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านที่เกิดเหตุ
ล่าสุด พ.ต.อ.สนอง ได้สอบปากคำนายเฉลิมพลอีกครั้ง จนยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุนายไพศาลผู้ตาย
ได้มาหาที่บ้านและชวนกันตั้งวงดื่มสุรา พอเมาได้ที่ นายไพศาลผู้ตายได้ต่อว่าครอบครัวตนเองไปฮุบที่ดินของเขา ทั้งๆที่ ที่ดินแปลงดังกล่าวแม่ตนเองเคยขายให้แม่ของนายไพศาล เมื่อหลายปีก่อน ต่อมาครอบครัวตนเองฐานะดีขึ้นจึงได้ไปขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวคืนจากแม่นายไพศาล ซึ่งก็มีการชำระเงินกันเรียบร้อย
ตนพยายามอธิบายให้นายไพศาลฟัง แต่นายไพศาล ก็ไม่ยอมฟัง และยังต่อว่าแม่ตนเองต่างๆนาๆ
ตนจึงบันดาลโทสะเดินไปหยิบมีดในครัวมาแทงนายไพศาลจนเสียชีวิต และด้วยความโมโห และมีอาการเมา คิดว่าตนเองเป็นหมอ จะต้องลงมือผ่าตัดเพื่อรักษานายไพศาล จึงถอดเสื้อผ้าผู้ตายออกทั้งหมด และชำแหละอวัยวะต่างๆ ออกมาโชว์เพื่อวินิจฉัยโรค หลังเริ่มสร่างเมาจึงมารู้ตัวว่า ได้ฆ่าเพื่อนเสียชีวิตแล้ว จึงล็อกบ้านทิ้งไว้ และหลบหนีไปอยู่บ้านญาติที่บ้านหลุ่งจาน จนมาถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.สนอง กล่าวว่า ตำรวจได้ยกเลิกการทำแผนประกอบคำรับสารภาพผู้ต้องหาบ่ายนี้แล้ว เพราะผู้ต้องหาไม่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และตำรวจเกรงว่าจะถูกญาติของผู้ตายรุมประชาทัณฑ์