เมื่อเวลา 01.30 น. วันนี้ (29 ก.ย.) นายพูนสุข ทะแพงพันธ์ ปลัดอำเภองานป้องกัน หน.ชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมาย จ.สกลนคร
ร่วมกับ ร.ต.อ.เรวัฒ จำปาน หน.ชุดเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน 23 สกลนคร กำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.สกลนคร เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จ.สกลนคร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบปราบปราบจับกุมการลักลอบเปิดโรงชำแหละเนื้อสุนัขส่งออก ในป่าพื้นที่เขตบ้านหนองกระบอก ต.นาแก้ว อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร เขตติดต่อกับ ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร
จากการตรวจค้นสามารถยึดซากสุนัขที่เชือดแล้วรอการชำแหละ จำนวน 50 ตัว และสุนัขที่รอการเชือด ถูกขังไว้ในกรงเหล็ก อีก 50 ตัว
รถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บท 2187 สกลนคร ดัดแปลงติดตั้งกรงขังสุนัข จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน กรงเหล็กขังสุนัข 5 กรง และอุปกรณ์ในการเชือดอีกหลายรายการ ส่วนผู้กระทำผิดได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ จึงนำหลักฐานทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนนาแก้ว สอบสวนขยายผลต่อไป สำหรับสุนัขที่รอดชีวิตจะนำส่งไปดูแลรักษาต่อที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม
ด้าน นายพูนสุข กล่าวว่า แก๊งค้าสุนัขกลุ่มนี้มีการลักลอบชำแหละสุนัขส่งออก ด้วยการใช้วิธีเปิดแหล่งชำแหละเคลื่อนที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานข้อมูลจาก เครือข่ายประชาชนต่อต้านการค้าสุนัขข้ามชาติ (Watchdog Thailand) โดยแก๊งค้าสุนัขจะออกไปตระเวนแลกสุนัขจากต่างจังหวัด เพื่อนำมาชำแหละตามจุดชำแหละเคลื่อนทีกลางป่า อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะพยายามเร่งรวบรวมหลักฐานขยายผลไปสู่ขบวนการค้ารายใหญ่ให้ได้ นอกจากนี้จะได้ระดมกำลังเฝ้าตรวจสอบติดตามจับกุมแหล่งชำแหละต่อเนื่อง เป็นการกดดันให้หยุดการค้าถาวรในระยะยาว เชื่อว่าจะได้ผลอย่างแน่นอน
นายพูนสุข กล่าวอีกว่า การขยายผลดำเนินคดีเจ้าของนายทุนใหญ่ ยังต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานหลายอย่าง
เนื่องจากโทษทางกฎหมายยังไม่รุนแรง จึงต้องใช้มาตรการจับกุมแหล่งชำแหละเป็นการตัดวงจรค้า ซึ่งปัจจุบันพบว่า ทำให้การส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านชะงักลง มีเพียงชำแหละส่งขายในพื้นที่ และต่างจังหวัด นำไปขายให้กลุ่มที่นิยมบริโภค ทำให้ราคาสุนัขสูงถึงตัวละ 2,000 – 3,000 บาท แต่มีราคาต้นทุนต่ำตัวละ 200 -300 บาท ทำให้ยังมีการลักลอบค้าต่อเนื่อง เพราะคุ้มกับการลงทุน และมีบทลงโทษทางกฎหมายต่ำ.