เป็นเรื่องปกติที่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะนำทองรูปพรรณ หรือนาฬิกาข้อมือสุดหรู ไปจำนำเพื่อให้ได้เงินมาจับจ่ายก่อนในช่วงขัดสน สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม จึงมีโรงรับจำนำผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ความเฟื่องฟูของธุรกิจโรงรับจำนำ มักสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของประเทศนั้นกำลังเกิดปัญหา
เพราะคนจะเข้าโรงรับจำนำก็ต่อเมื่อมีปัญหาเงินทองไม่พอใช้ ครั้นจะไปกู้ยืมจากธนาคาร ก็ไม่มีคุณสมบัติพอ โรงรับจำนำจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่จะได้เงินมาใช้ช่วงขัดสน โรงรับจำนำในไทยหลายแห่ง ปรับเปลี่ยนร้านให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น จากเดิมที่จะต้องมีลูกกรงอยู่หน้าร้าน ลูกค้ายังได้รับความสะดวกและยืดหยุ่นมากขึ้นในการไถ่ของคืน
โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ โดยอีซี่ มันนี่ มีทรัพย์สินอยู่ในความครอบครองคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ นับจากเปิดกิจการในปี 2005 ทั้งยังขยายสาขาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีนี้ เป็น 27 สาขาทั่วประเทศ จากปีก่อนที่มีเพียง 12 สาขา และมีแผนจะเปิดสาขาอีก 2 แห่งในปีหน้า
ไทยจึงเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่มีหนี้ครัวเรือนสูงสุด ทั้งที่เมื่อ 10 ปีก่อน หนี้ครัวเรือนในไทยยังอยู่แค่ 45 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และยิ่งรัฐคุมเข้มนโยบายปล่อยสินเชื่อ ก็ยิ่งทำให้คนไทยหันไปใช้บริการโรงรับจำนำมากขึ้น