นายคีรี กาญจนภาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
การนำทรัพย์สินเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานบีทีเอสโกรทจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการรถไฟฟ้าในอนาคตเพราะมีรายได้เข้าบริษัทกว่า 3 หมื่นล้านบาท สำหรับขยายโครงการในอนาคตแต่ละโครงการจะใช้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท จึงต้องหาแหล่งเงินทุนอื่นๆ เพิ่มเติม แต่เชื่อว่าสถาบันการเงินต่างๆ พร้อมสนับสนุนเงินกู้และโดยศักยภาพบริษัทสามารถกู้ได้ถึง 1 แสนล้านบาท อีกทั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็สามารถที่จะกู้เงินได้เพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย
นายคีรีกล่าวว่า สำหรับราคาหน่วยลงทุนที่ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 12 บาทนั้น อาจเป็นเพราะผู้ที่ถือหน่วยลงทุนเห็นการเติบโตในระยะยาว
มีผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลและมีการเติบโตในอนาคต ผู้ใช้รถไฟฟ้าส่วนใหญ่มีความพอใจในการให้บริการของบีทีเอสด้วย โดยปัจจุบันมีสถิติผู้โดยสารสูงสุด 7.5 แสนคนเที่ยวต่อวัน มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 13 ปีติดต่อกัน เป็นผลจากการมีศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม โครงการต่างๆ ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายคีรียังได้กล่าวถึงการปรับราคาค่าโดยสารบีทีเอสเพิ่มว่า ต้องพิจารณาอย่างแน่นอนเพราะไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารมานาน
ขณะที่ต้นทุนต่างๆ เริ่มปรับตัวขึ้น ทำให้ต้องพิจารณาปรับราคาโดยเพดานที่สามารถปรับได้สูงสุดคือ 56 บาทต่อเที่ยว แต่บริษัทจะไม่ปรับถึงเพดาน การปรับราคาเพิ่มจะให้อยู่ในขอบข่ายที่ทุกคนรับได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้
(ที่มา:มติชนรายวัน 20 เมษายน 2556)