นายอัษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า
ตามที่รัฐบาลมีโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31ธ.ค.2555 นี้ ทำให้ขณะนี้มีรถใหม่เข้าจดทะเบียนจำนวนมากเฉลี่ยเดือนละ 50,000 คัน จากปกติมีรถใหม่จดทะเบียนเฉลี่ยเดือนละ 20,000 คันส่งผลให้มีการใช้เลขทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นเดือนละ 5 หมวดอักษร จากเดิมเดือนละ 2 หมวดอักษร ทำให้คาดการณ์ว่าแบบเลขทะเบียนรถยนต์แบบปัจจุบันที่ใกล้จะหมดแล้วจะหมดเร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้ใช้ถึงหมวด ฆร แล้ว และยังเหลืออีก 20 หมวด แต่ละหมวดจะจดทะเบียนรถได้ 10,000 คัน หากยังมียอดจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้นในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าแบบทะเบียนเดิมจะหมดลงในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากเดิมคาดการณ์ใช้ได้ถึงต้นปีหน้า ซึ่ง ขบ.ได้เตรียมพร้อมการใช้ทะเบียนรูปแบบใหม่ที่มีตัวเลข 1 หลัก นำตัวอักษร 2 ตัว ตามด้วยตัวเลขไม่เกิน 4 ตัว และชื่อจังหวัดไว้แล้ว
หากหมวดทะเบียนเดิมหมดลง จะมีหมวดทะเบียนใหม่นำมาใช้ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตามยังยืนไม่ได้ว่าทะเบียนรถจะหมดช่วงใดกันแน่ เนื่องจากภายหลังที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ผู้ที่ต้องการเข้าโครงการรถยนต์คันแรกใช้หลักฐานเป็นใบจองรถแสดงตัวเข้าร่วมโครงการได้ แม้จะยังไม่ได้รถมาจดทะเบียน เพราะบริษัทผลิตรถส่งมอบไม่ทันเนื่องมาจากวิกฤติน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อาจทำให้ยอดจดทะเบียนรถใหม่ชะลอตัวลง จนสามารถใช้ทะเบียนรถแบบปัจจุบันได้ถึงสิ้นปีนี้
นายอัษไธค์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ตัวแทนจำหน่ายรถ มีปัญหามีป้ายแดงไม่พอใช้นั้น
ขบ.ยืนยันว่าได้จัดสรรให้ในสัดส่วนที่เหมาะสมตามจำนวนที่ตัวแทนจำหน่ายรถแจ้งยอดขอมาแล้ว ทั้งนี้ไม่สามารถให้ได้ครบตามจำนวนที่ขอไปได้ เพราะ ขบ.ไม่สนับสนุนให้ใช้ป้ายแดง และต้องการให้มีการเร่งรัดการจดทะเบียนรถโดยเร็ว หากให้ป้ายแดงไปจำนวนมากจะส่งผลให้มีการเพิกเฉยต่อการจดทะเบียนรถให้ถูกต้อง ซึ่งการจดทะเบียนรถนอกจากจะช่วยให้มีรายได้เข้ารัฐแล้ว ยังป้องกันปัญหาอาชญากรรมและความปลอดภัยต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเมื่อจดทะเบียนรถได้เร็วก็จะสามารถนำป้ายแดงไปหมุนเวียนใช้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าหากเตรียมเอกสารการจดทะเบียนครบถ้วนจะสามารถจดทะเบียนรถได้เรียบร้อยภายใน 2-3 วัน