หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2562 จะกระทบกับที่ดินในกรุงเทพที่ใช้ไม่สมประโยชน์กับราคา เช่นปั๊มน้ำมัน หอพัก คาร์แคร์ อพาร์ทเม้นต์
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจยกตัวอย่าง สถานีบริการนํ้ามัน เชลล์ บริเวณปากซอยสวนพลู ย่านสาทร เนื้อที่ กว่า 1 ไร่ ราคาตารางวาละ 2 ล้านบาท มูลค่าซื้อขาย 800 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา หรือครึ่งหนึ่งของราคาซื้อขาย คิดเป็นมูลค่ารวม 400 ล้านบาท เมื่อกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ ที่ดินตรงนี้ต้องเสียภาษีในอัตรา 2% ต่อปี หรือ ปีละ 8 ล้านบาท เชื่อว่าปั๊มนํ้ามันจะต้องย้ายออกนอกเมือง
เช่นเดียวกับที่ดินประเภทพาณิชย์กรรม อื่นๆ เช่น ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร คาร์แคร์ บ้าน-คอนโดเช่า หอพัก อพาร์ทเม้นต์ โรงงาน โกดัง โรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร อาจจะต้องขยับขึ้นราคาและผลักภาระให้ผู้บริโภค
ขณะที่บรรดานักธุรกิจรายใหญ่ที่ถือครองที่ดินไว้จำนวนมาก หรือแลนด์ลอร์ด ได้ปรับกลยุทธในการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยการนำไปทำการเกษตรที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า
นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี และราชธานีกรุ๊ป ยอมรับกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้ครอบครองที่ดิน 13,000 ไร่ ใช้วิธีนำที่ดินซึ่งซื้อสะสมไปทำเกษตร เช่นที่จังหวัดราชบุรี 2,000 ไร่ปลูกกล้วย และมะพร้าว ที่เกาะสมุย 600 ไร่ ปลูกมะพร้าว และพัฒนาวิลล่าซึ่งทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ดินที่พระนครศรีอยุธยา 3,000 ไร่ขณะนี้ให้เช่าทำนาไร่ละ 1 บาท ระยะยาว