
นับจากวันนี้ คาดว่าผู้ที่มีรายได้ในระดับที่ต้องเสียภาษีเงินได้ 3 ล้านคนจะเริ่มจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.2559) ครม.มีมติอนุมัติมาตรการ "ช็อปช่วยชาติ" เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศช่วงสิ้นปี
ก่อนจะควักเงินซื้อสินค้าและบริการโดยหวังจะนำไปลดหย่อนภาษีตามมาตรการช็อปช่วยชาตินี้ ต้องพิจารณาเงื่อนไขให้ครบถ้วนก่อนว่า การจะนำไปลดหย่อนภาษีได้ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง นอกเหนือจากเงื่อนไขด้านระยะเวลาที่ต้องซื้อระหว่างวันที่ 14-31 ธ.ค.2559 และจะต้องขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบแล้ว ยังมีเงื่อนไขเรื่องของประเภทสินค้าและบริการอีกด้วย
สินค้า-บริการ ที่ขอลดหย่อนภาษีได้
-สินค้าที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าที่จดทะเบียนถูกต้อง
-อาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นสุรา เบียร์ ไวน์) ตามภัตตาคาร ร้านอาหาร หรือในโรงแรม
-ค่าใช้จ่ายในการเสริมสวย นวดหน้า สปา แต่หากซื้อแพคเกจก็ต้องใช้ให้หมดภายใน 31 ธ.ค.
-ซื้ออะไหล่รถ อุปกรณ์แต่งรถ ซ่อมรถ แต่ต้องซ่อมเสร็จและจ่ายเงินภายใน 31 ธ.ค.
-ซื้อทองรูปพรรณ นำค่ากำเหน็จไปขอลดหย่อนภาษีได้
สินค้า-บริการ ที่ขอลดหย่อนภาษีไม่ได้
-สุรา เบียร์ ไวน์ บุหรี่
-รถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ
-การทำศัลยกรรม ค่ารักษาพยาบาล ใช้สิทธิ์ขอลดหย่อนไม่ได้เพราะการให้บริการสถานพยาบาลได้รับ-การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว
-ทองคำแท่ง ขอลดหย่อนไม่ได้เพราะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว
-ค่าน้ำประปาไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ไม่ได้รับการลดหย่อน เพราะเป็นการชำระค่าสินค้าและบริการของเดือนก่อน
-ค่าเชื้อเพลิงรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซ
ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเดินทางท่องเที่ยวหรือมาตรการ "เที่ยวช่วยชาติ" โดยสินค้าและบริการที่นำไปขอลดหย่อนภาษีได้ตามมาตรการนี้ ได้แก่
-ค่าโรงแรม
-ค่าแพคเกจทัวร์ แต่ตั๋วเครื่องบินทั้งในและต่างประเทศนำไปขอลดหย่อนภาษีไม่ได้
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
นายถนอม เกตุเอม ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเตือนว่า ก่อนจะใช้สิทธิ์ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ ผู้บริโภคจะต้องตรวจสอบตัวเองก่อนว่าตัวเองมีกระแสเงินสดมากพอหรือไม่
"ต้องดูว่าเรามีกระแสเงินสดพอหรือไม่ ต่อให้เรามีรายได้เยอะหรือรายได้น้อยก็ตาม บางครั้งกระแสเงินสดไม่พอ ถ้ายังไม่มีเงินเหลือจะใช้ก็อย่าไปใช้สิทธิ์ตรงนี้ อย่าไปเห็นแก่การประหยัดภาษี เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องจัดการกระแสเงินสดของเราให้ได้ก่อน และต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราอยู่ในกลุ่มคนไม่เสียภาษีหรือไม่ คืออยู่ในกลุ่มผู้ที่มีฐานเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เสียภาษี ดังนั้นเมื่อไม่ต้องเสียภาษี ก็จะไม่ได้ลดหย่อนภาษี ก็จะกลายเป็นการจับจ่ายใช้สอยตามปกติ" นายถนอมกล่าวตัวอย่างเช่น หากเป็นผู้ที่มีรายได้ ปีละ 240,000 บาท ต้องหักลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าใช้จ่ายส่วนตัว 30,000 บาท รวมเป็น 90,000 บาทออกจากรายได้ จะเหลือสุทธิ 150,000 บาท หรือเฉลี่ยน้อยกว่าเดือนละ 20,000 บาท ก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้และไม่ได้อานิสงส์จากมาตรการนี้
ส่วนคนที่เสียภาษี จะได้รับประโยชน์ในการหักค่าลดหย่อนตามลำดับ เช่น ตั้งแต่ยกเว้นภาษีสูงสุด 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 750 บาท ไปจนถึง ยกเว้นภาษีสูงสุด 35 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่เกิน 5,250 บาท
คนไทยจะตอบสนองต่อมาตรการนี้แค่ไหนศูนย์วิจัยกสิกรไทยสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60 วางแผนจะซื้อสินค้าช่วงมีมาตรการ สะท้อนว่ามาตรการนี้ได้รับความสนใจมาก เพราะรับรู้ข่าวสารล่วงหน้าและรัฐบาลให้ระยะเวลาใช้สิทธินานขึ้น และคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ขอลดหย่อนภาษีเต็มจำนวนร้อยละ 34
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มาตรการนี้จะทำให้เงินสะพัดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการสูงกว่ามาตรการที่ออกมากระตุ้นในปี 2558 ที่มีเงินสะพัดประมาณ 13,000 ล้านบาท


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday