อาจได้เห็นทองแตะ 27,000 บาทปลายปีนี้ หากสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยสวนทางเศรษฐกิจอ่อนแอ และความเสี่ยงยุโรปยังไม่คลี่คลาย
น.ส.ณัฐฏ์จงกลปิ่นทอง ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดบริษัท จีแคป จำกัดผู้นำเข้าและส่งออกทองคำ
เปิดเผยว่าราคาทองคำในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง27,000บาทต่อบาททองคำหากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ1,350ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ภายใต้การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งมากนักประกอบกับความสามารถในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อของแต่ละประเทศอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้อาจเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งนักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวในทางกลับกันหากมีการขึ้นดอกเบี้ยและเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงคาดว่าไม่ต่ำกว่า18,200บาทต่อบาททองคำ
สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนประเมินว่าการซื้อขายทองคำจะยังคงอยู่ในช่วงซบเซาต่อเนื่อง
เพราะราคาทองคำในปัจจุบันเริ่มอยู่ในระดับสูงหลังจากการเข้าซื้อในช่วงที่มีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกโดยประเมินราคาเคลื่อนไหวในช่วงตรุษจีนอยู่ที่20,000บาทต่อบาททองคำหรือ1,325-1,336ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์
ด้านนายกมลธัญพรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์จำกัด
กล่าวว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯอาจกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแต่หากเศรษฐกิจทั้งอัตราการว่างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอยู่ในระดับต่ำประกอบกับความเสี่ยงทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปยังไม่คลี่คลายลงราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นสูงสุดในกรอบบนที่21,000-21,500บาทต่อบาททองคำ ซึ่งโดยส่วนตัวประเมินว่าโอกาสที่ราคาทองจะสูงถึง27,000บาทในปีนี้มียากมาก เพราะราคาทองคำในตลาดโลกต้องปรับตัวถึง1,800ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ฯ