สะพัด! เจ้าสัวธนินท์ฮุบ"โลตัส"เผยคุยแบงก์แล้วเล็งกู้เงินยื่นข้อเสนอ ชี้ชัดเชื่อมั่นศักยภาพค้าปลีกไทย
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเผยเจ้า สัวธนินท์คุยแบงก์เล็งยื่นข้อเสนอขอซื้อโลตัสคืนจากเทสโก้ที่มีสาขาใน ไทย1,734แห่ง หรือ 3 ใน 4 ของสาขาทั้งหมดในเอเชีย ชี้เป็นการเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกและ เศรษฐกิจไทย แม้ตกอยู่ท่ามกลางความกดดันทางการเมือง
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กำลังพิจารณาว่าจะซื้อธุรกิจค้าปลีกซุปเปอร์มาร์เก็ตโลตัส ที่ปัจจุบันนี้มีมูลค่าอยู่ราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 320,000 ล้านบาท) กลับคืนมา หลังจากขายกิจการให้กับบริษัท เทสโก้ ของประเทศอังกฤษไปเมื่อปี 2537
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เรื่องนี้ เปิดเผยว่า นายธนินท์อยู่ระหว่างการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับธนาคารของไทยแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการหาเงินทุนยื่นข้อเสนอซื้อเทสโก้โลตัสที่มี สาขาในไทย 1,737 แห่ง คิดเป็นเกือบ 3 ใน 4 ของจำนวนสาขาทั้งหมดที่มีอยู่ในเอเชีย
รอยเตอร์ระบุว่า การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในรูปแบบการทำธุรกิจของนายธนินท์
และเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อโอกาสในการเติบโตของภาค ธุรกิจค้าปลีกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความไม่สงบทางการเมือง โดยเทสโก้โลตัสถือเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด
"ข้อเสนอซื้อ จะทำผ่านซีพี ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจแต่เดิมของเทสโก้เมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว" แหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากการเจรจายังเป็นความลับกล่าว และว่า วาณิชธนกิจหลายแห่งได้ติดต่อนายธนินท์เพื่อเสนอให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และคำปรึกษาในการยื่นข้อตกลงเสนอซื้อดังกล่าว
รอยเตอร์รายงาน ว่าด้านโฆษกของซีพีในกรุงเทพฯระบุว่าไม่ทราบในเรื่องแผนการเกี่ยวกับเทสโก้ แต่อย่างใด ขณะที่เทสโก้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ด้านแหล่งข่าวหลายรายปฏิเสธที่จะยืนยัน โดยระบุว่าการหารือยังคงเป็นความลับ
ทั้ง นี้ นายเดฟ ลูอิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนใหม่ของเทสโก้ ที่เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 3 เดือน
กำลังต้องต่อสู้กับเรื่องอื้อฉาวทางบัญชีและยอดขายที่ตกต่ำลงในประเทศอังกฤษ โดยเทสโก้ที่มูลค่าหุ้นร่วงลง 42 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ยังไม่ได้ประกาศแผนที่จะออกจากตลาดในเอเชียแต่อย่างใด ทว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของกำไรในช่วงครึ่งปีแรกต้องหมดไปกับการนำมาจ่ายดอกเบี้ย โดยเทสโก้ยังอาจจะต้องถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์มาจ่ายหนี้เพื่อหลีกเลี่ยง การถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงมาอยู่ในระดับ"ขยะ"
อย่างไรก็ตามรอย เตอร์ระบุว่านายธนินท์อาจต้องเผชิญกับคู่แข่งที่เป็นมหาเศรษฐีชาวไทยหลายราย หากเทสโก้ตัดสินใจที่จะขายธุรกิจ ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ามีรายอื่นที่สนใจจะยื่นข้อเสนอขอซื้อเทสโก้ด้วยหรือไม่