2 ก.ค.57 พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 ก.ค. 2557 จะลงพื้นที่ในตรวจ 4 จังหวัดก่อน ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่มีโกดัง หรือไซโลอยู่ในพื้นที่ จะออกตรวจพร้อมกันในสัปดาห์หน้า โดยต้องตรวจนับประมาณข้าวสารที่อยู่ในโกดังว่า มีปริมาณอยู่ครบตามที่ได้แจ้งกับทางกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ก่อนจะส่งตัวอย่างเมล็ดข้าวที่ได้จากโกดัง เข้าตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพข้าวในห้องแล็บ โดยแนวทางในการตรวจสอบข้าว จะยึดยอดปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการ ณ วันที่ 31 พ.ค. 57 เป็นหลัก ซึ่งยอมรับว่า การตรวจสต็อกข้าวไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากหลายคลังยังมีข้าวเคลื่อนไหวเข้า-ออกสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องห้องแล็บในการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่จะมีความแออัด เนื่องจากมีข้าวปริมาณมาก
"ได้มีการแบ่งสายตรวจ ออกเป็น 100 ชุด โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วม อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และกองทัพบก และการตรวจสต็อกข้าวครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกหนักใจใน เพราะมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ"
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด จัดตั้งศูนย์รับข้อมูลข่าวสาร
หากตรวจพบการกระทำผิดก็ขอให้รายงานกลับมายังคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว(นบข.) ทันที เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยการตรวจสอบข้าวจะมีความชัดเจน อยู่บนพื้นฐานให้ทุกฝ่ายรับรู้ได้ และห้ามรับสินบน หลังได้มีกระแสข่าวว่าทางโรงสี จะติดสินบนเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ และหากพบเห็นการทุจริต หรือเข้าข่ายให้แจ้งเรื่องเป็นเรื่องเร่งด่วน ทั้งนี้ คาดว่า ภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ จะได้ข้อสรุปข้อมูลข้าวที่ชัดเจน อีกทั้งการทำงานของชุดตรวจสต็อกข้าวครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับกับการดำเนินคดีทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลกัน