ฤทธิ์กำนันประกาศน็อก ‘หุ้นชิน’ร่วงยกกระดาน

จากการประกาศของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชน

เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ว่า จะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินวัตรพร้อมทั้งเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มชิน วัตร บริษัทของครอบครัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีนั้นในช่วงบ่ายได้ส่งผลให้หุ้นปรับตัวลดลงทั้งกลุ่ม

จนกระทั้งในการปิดตลาดภาคบ่าย เมื่อเวลา 17.00 น. พบว่าหุ้นหลักทรัพย์ในกลุ่มชินวัตรได้แก่ หุ้นของ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

ราคาหุ้นอยู่ที่73.75บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ-1.34 %หุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาหุ้นอยู่ที่ 217 บาท ลดลง 2.00บาท หรือ -0.91% และหุ้นของ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC อยู่ที่ 3.24 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ -3.57%

สรุปดัชนีตลาดหุ้นปิดการซื้อขายประจำวันที่19 ก.พ. หุ้น ร่วง5.21จุด ปิดที่1,321.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 30,793.32 ล้านบาท

หลักทรัพย์ 5อันดับแรก ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) และ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (INTUCH)

ขณะที่ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เห็นว่าการประกาศดังกล่าว จะส่งผลในด้านลบต่อราคาหุ้นทั้งหมดในกลุ่มชินฯรวมทั้งทำให้ตลาดอ่อนตัวลง ซึ่งเหมาะแก่นักลงทุนในการเข้าซื้อช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว แต่ธุรกิจอาจจะไม่กระทบมาก หากธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้

น.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น(INTUCH) กล่าวถึงประกาศดังกล่าวว่าขอชี้แจงว่าปัจจุบันผู้ถือหุ้นของ INTUCH ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมคือกลุ่มตระกูลชินวัตร หลังขายหุ้นทั้งหมดออกไปก่อนหน้านี้หลายปีและไม่มีความเกี่ยวทางการเมือง

น.ส.นัฐิยา พัวพงศกร ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

ตอนนี้บริษัทฯยังไม่ขอชี้แจงต่อนักลงทุนแต่ได้มีการให้ผู้บริหาร พิจารณาถึงท่าทีต่อจากนี้ไปโดยจะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของนักลงทุน ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่ทีมผู้บริหารจะมีการประชุมพิจารณาถึงท่าทีตรงนี้อีกทีซึ่งตอนนี้พูดไป ก็คงไม่ช่วยอะไร หากยังมีอคติต่อกันอยู่