ออมสิน แจงเหตุขอเงินคืนจากธกส. เพราะใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์

หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ธุรกิจ ออมสิน แจงเหตุขอเงินคืนจากธกส. เพราะใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์

ออมสิน แจงเหตุขอเงินคืนจากธกส. เพราะใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ได้แก้ปัญหาสภาพคล่อง

ด้านธกส. แจง ก.คลังอุดหนุนเงินจ่ายใบประทวนชาวนา ชี้ ยังไม่ได้ใช้เงินสภาพคล่อง 5.5 หมื่นล้าน เพียงแต่กู้เพื่อปล่อยสินเชื่อ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่ห้อง310 อาคารรัฐสภา2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ที่มี น.ส.วิชุดา รัตนเพียร ส.ว.สรรหา เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ โดยมีการพิจารณาศึกษาและติดตามการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ปี2556/2557 โดยที่ประชุมได้ตั้งคำถามถึงที่มาของการจ่ายเงินใบประทวจำนำข้าวแก่ชาวนา ซึ่งเกรงว่าอาจจะกลายเป็นนิติกรรมอำพรางทำประโยชน์ให้กับโครงการรับจำนำข้าว ได้ โดยนายวรวิทย์ ลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ชี้แจงว่า ทางธนาคารออมสินได้มีการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ในวงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท จากวงเงินขอกู้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจ่ายเงินก้อนแรกไปแล้ว 5 พันล้านบาท

ทั้ง นี้ หนังสือขอกู้ลงวันที่ 7 ม.ค. 2557 เป็นการขอกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของ ธกส. จึงไม่น่าจะเป็นลักษณะนิติกรรมอำพราง

เพราะโดยธนาคารออมสินก็ได้มีการตรวจสอบความมั่นคงของธกส.ก่อนอนุมัติ และพบว่ามีความมั่นคงมาก ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาธนาคารออมสินก็เคยมีการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ให้กับธนาคารรัฐบาล อื่นในจำนวนวงเงินมากๆถึง 5 พันล้านบาทมาแล้วเหมือนกัน อีกทั้งธนาคารออมสินก็มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 99 เปอร์เซ็นต์ จึงได้อนุมัติการกู้โดยอยู่ในกรอบระยะเวลาเพียง 3 เดือน และมีตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อายุตั๋วไม่เกิน 30 วัน โดยไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกัน แต่ตอนนี้ธนาคารออมสินต้องระงับการกู้เงินดังกล่าวแล้ว เนื่องจากพบว่า ธกส.มีการใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ได้ใช้เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องจริง กลับนำไปใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำข้าวโดยตรง ซึ่งธนาคารออมสินยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน จึงต้องออกมาตรการระงับการกู้ทันที

ขณะที่ นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธกส. ชี้แจงว่า การกู้เงินในลักษณะดังกล่าว เป็นธุรกรรมตามปกติที่แต่ละธนาคารดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว

โดยก่อนการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ธกส.ได้ทำหนังสือข้อหารือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 ฉบับ เพื่อขอคำแนะนำว่าใบประทวนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ออกก่อนและหลังยุบ สภา สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาได้หรือไม่ ซึ่งกกต.ให้คำแนะนำว่าสามารถทำได้ จึงถอนเรื่องดังกล่าวออก ส่วนอีกข้อหารือคือ ธกส.สามารถใช้เงินสภาพคล่องของตัวเองจำนวน 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชาวนาที่ถือใบประทวนได้หรือไม่ ซึ่งกกต.ก็ให้คำแนะนำว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ภายหลังเนื่องจากธกส.เห็นว่าตัวเองเคยเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องระดับหนึ่งใน ช่วงกลางปี 55 จากผลกระทบการสำรองจ่ายเงินจำนำข้าว จึงได้ขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาเงินสำรองจ่ายไปก่อน

ซึ่ง ทำให้การจ่ายเงินใบประทวนให้กับชาวนาครั้งนี้จึงเป็นเงินสนับสนุนจากงบประมาณที่ทางกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาให้

ยืนยันว่าธกส.ยังไม่ได้นำเงินสภาพคล่องของธกส.ไปใช้จ่ายแต่อย่างใด ส่วนการกู้จากธนาคารออมสินครั้งนี้ เพราะเราพบว่า ยังมีชาวนาอีกกว่า 9 แสนครัวเรือน ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งระหว่างนี้ธ.ก.ส.ก็ได้มีโครงการปล่อยสินเชื่อปกติให้กับชาวนา โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 6-8 หมื่นล้านบาท เลยจำเป็นต้องเตรียมจัดทำธุรกรรมเพื่อรองรับไว้ เนื่องจากธ.ก.ส.เองก็เริ่มมีสภาพคล่องที่ค่อนข้างตึงตัวแล้ว

ด้าน นายนายประสิทธิ์ พาโฮม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธกส.

ยืนยันว่า สภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธกส. ไม่ได้ขัดขวางการนำเงินไปจ่ายให้กับชาวนา แต่เราเห็นว่าถ้ามีการนำเงินสภาพคล่อง 5.5 หมื่นล้านมาใช้ อาจจะขัดต่อกฎหมาย เพราะจะกลายเป็นการนำเงินกู้ไปแปลงเป็นเงินจำนำข้าว อีกทั้งจะเกิดการผลักภาระเงินสู่หนี้สาธารณะได้ ทั้งที่เป็นนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลเอง นอกจากนี้ พ.ท.จักกริช บุฝศิริ และนายสัญญา แก้วอนันต์ ตัวแทนจากกกต. ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ขัดขวางการจ่ายเงินจำนำข้าว เพราะเรื่องการนำเงินสภาพคล่องของธกส.ไปใช้นั้น ไม่เข้าข่ายอยู่ในอำนาจกกต. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ที่จะเห็นชอบ จึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของธกส.ในการใช้จ่ายเงินเอง