เด็กป.1 กินแห้ว อดได้แท็บเล็ต “เซิ่นเจิ้น อิงถัง” ส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญา อ้างการเมืองไทยเป็นเหตุ และความไม่เข้าใจต่อทีโออาร์ รวมทั้งสัญญาที่สื่อสารไม่ตรงกัน มอบคณะกรรมการจัดซื้อ สพฐ.ไปพิจารณาริบเงินค้ำประกัน 120 ล.บาท และฟ้องร้องบริษัทเรียกค่าเสียหาย
4 ก.พ.57 นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รักษาการ รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะคณะกรรมการจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ในโครงการ 1คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ประจำปีการศึกษา 2556 ได้ทำหนังสือเร่งรัดให้บริษัทที่ชนะการประมูลด้วยวิธีจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชัน ดำเนินการจัดส่งแท็บเล็ตตามสัญญานั้น โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาบริษัทเซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัดที่ชนะการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มูลค่า 842 ล้านบาท และป. 1 โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง เป็นเงิน 786 ล้านบาท รวมทั้ง 2 โซน เป็นวงเงิน 1,628 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโดยให้เหตุผลถึงความแน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ความเข้าใจต่อทีโออาร์(TOR) และสัญญาไม่ตรงกัน รวมถึงการติดต่อสื่อสารมีปัญหาอุปสรรคจนกระทั่งบริษัทส่งมอบของล่าช้าและถูกเรียกค่าปรับ
นอกจากนี้ บริษัท เซิ่นเจิ้นฯ แจ้งอีกว่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโครงการแท็บเล็ตฯ และเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียทางธุรกิจ
จึงขอยกเลิกสัญญาทั้งหมดที่ได้ลงนาม ส่วนการขอคืนหลักประกันตามสัญญาที่ทางบริษัทเซิ่นเจิ้นฯได้มอบไว้ ทางบริษัทเซิ่นเจิ้นฯ ขอสงวนสิทธิ์อุทธรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งทางคณะกรรมการจัดซื้อของสพฐ.จะพิจารณาในประเด็นการริบวงเงินค้ำประกัน 120 ล้านบาท การฟ้องร้องบริษัทในฐานะผู้ละทิ้งงานและเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการจัดซื้อเดิมและการประมูลจัดซื้อใหม่ที่จะเกิดขึ้นตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งจะต้องพิจารณาและสรุปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ ที่มีตนเป็นประธานในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้
รักษาการ รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทได้แต่คงไม่คุ้มกับความเสียหายที่เด็กไม่ได้ใช้แท็บเล็ตมาจนถึงเวลานี้
ซึ่งกำลังครบ 1 ปีการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการสรุปบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมดและต้องยอมรับว่า การจัดซื้อแท็บเล็ตที่ผ่านมา มีปัญหาอย่างมาก ทั้งปัญหาทางเทคนิค วิธีการ กระบวนการจัดซื้อ และยังมีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา เช่น ปัญหาบริษัทที่เสนอราคาประมูลต่ำแต่ทำไม่ได้จริง มีข้อสงสัยว่าแข่งกันจริงหรือไม่ในบางรายการ และเมื่อจะยกเลิกก็ยกเลิกไม่ได้เหมือนเขาวงกตตกหลุมดำแล้วหาทางออกไม่เจอ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเร่งสรุปบทเรียนเพื่อนำมาแก้ปัญหาในการดำเนินการจัดซื้อรอบใหม่ ทั้งนี้ กรณีของบริษัทเซิ่นเจิ้นฯ ในเรื่องของผู้ดำเนินการก็ต้องมาสรุปปัญหาเช่นกันว่ามีใครทำอะไรในแต่ละขั้นตอน เช่น เห็นปัญหาอยู่แล้วและหากทางป้องกันดีหรือไม่เพราะที่ผ่านมาก็มีข่าวเป็นระยะเกี่ยวกับความมั่นคงของบริษัท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะต้องเร่งสรุปบทเรียนในครั้งนี้และเมื่อยกเลิกสัญญาแล้วต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดซื้อแต่แนวโน้มเด็ก ป.1 และ ม.1 ปีการศึกษา 2556 น่าจะได้ใช้แท็บเล็ตพร้อมกับเด็กชั้น ป.1และ ม.1ในปีการศึกษา2557
"ถามว่าจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายครั้งนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องไปดู แต่เรื่องนี้ดำเนินการไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อผมเข้ามาทำงานกระบวนการต่าง ๆ ก็ผ่านไปครึ่งทางจะปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งการจัดซื้อแท็บเล็ตจะต้องดำเนินการต่อไปเพราะเป็นโครงการที่ได้รับมาตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2556 ที่ได้อนุมัติวงเงินไว้แล้วจึงต้องทำให้ได้ สำหรับวิธีการจัดซื้อที่มีผู้เสนอให้กระจายอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการเองนั้นจะต้องมาดูมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะให้ดำเนินการได้หรือไม่อย่างไรและจะผูกพันไปถึงครม.ชุดใหม่หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน" นายจาตุรนต์ กล่าว