ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และราคาที่เชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ "ค่าไฟฟ้า" ในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. มีแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้น
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมอนุกรรมการค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่มีคณะกรรมการกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา จะมีการพิจารณาขอปรับขึ้นค่าต้นทุนผันแปร หรือค่าเอฟที งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2557 ในอัตรา 6-7 สตางค์ต่อหน่วย
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ประมาณ 32 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งการที่เงินบาทอ่อนค่าลง 1 บาทจะทำให้ค่าเอฟทีปรับขึ้น 5.6 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับปัจจัยด้านราคาเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้ค่าเอฟทีงวด ม.ค.-เม.ย.2557 จะต้องปรับขึ้น 6-7 สตางค์ต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม เรกูเลเตอร์จะประชุมอีกครั้ง เพื่อพิจารณาสรุปว่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าเอฟทีตามอัตราดังกล่าวหรือไม่ ในวันที่ 26 ธ.ค. 2556 นี้
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม คือ กรณีที่เรกูเลเตอร์ยังติดหนี้ กฟผ.อยู่ 1,000 ล้านบาท
จากกรณีให้ กฟผ.ช่วยแบกรับค่าเอฟทีในงวดที่ผ่านมา(ก.ย.-ธ.ค. 2556 ) ดังนั้นหากเรกูเลเตอร์เห็นสมควรใช้หนี้ให้หมดในงวด ม.ค. -เม.ย. 2557 นี้ จะทำให้ค่าเอฟทีที่ประกาศขึ้นอยู่ในอัตรา 7 สตางค์ต่อหน่วยทันที ทั้งนี้ปัจจุบันเรกูเลเตอร์ยังเหลือเงินที่เรียกเก็บจากหน่วยงานด้านพลังงานที่ไม่สามารถดำเนินการผลิตพลังงานได้ตามแผนงานอีก 2,000 ล้านบาท แต่อาจจะไม่นำมาช่วยลดค่าไฟฟ้าในงวดนี้ เนื่องจากมีการพิจารณาว่าอัตราค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงได้อีกถึง 33 บาทต่อดอลลาร์