ลงทุนทองคำปีนี้กินแห้ว ตลาดไม่มีปัจจัยหนุน แถมกองทุนยักษ์เทขายต่อเนื่อง ฉุดราคาร่วงตลอดจากต้นปี เอ็มอีเอสฯ ระบุหากซื้อต้นปีถือยาวถึงตอนนี้ขาดทุนราว 26%
22 พ.ย. 56 นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า
ภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก หลังราคาทองคำปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.88 หมื่นบาท จากต้นปีอยู่ที่ระดับ 2.4 หมื่นบาท และยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงอีกในเดือนธันวาคม โดยมองจุดต่ำสุดปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 1.81 หมื่นบาทต่อบาททอง ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือทองคำตั้งแต่ต้นปีในรูปแบบเงินดอลลาร์จะขาดทุนประมาณ 31% และในรูปของเงินบาทจะขาดทุน 26%
สำหรับสาเหตุที่ราคาทองคำมีแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง เป็นผลจากตลาดมีความกังวลว่า
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วสหรัฐต้องยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี) ทำให้นักลงทุนโยกเงินกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงยังไม่มีปัจจัยบวกชัดเจนที่จะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับกองทุนเอสพีดีอาร์ ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ที่ถือครองทองคำเทขายออกมาต่อเนื่อง ดังนั้นปีนี้ใครที่ซื้อทองคำไว้แล้วถือยาว โดยไม่ได้ขายออกมาจะขาดทุนอย่างเดียว
“ทองคำน่าจะอยู่ในช่วงขาลงไปจนถึงช่วงไตรมาส 1 ของปีหน้า โดยมีโอกาสที่จะปรับลดไปที่ระดับ 1,100-1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาเงินบาทน่าจะอยู่ระดับ 1.8 หมื่นบาทต่อบาททอง แต่คงไม่หลุดต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากราคาใกล้เคียงกับต้นทุนหน้าเหมืองแล้ว” นพ.กฤรัตน์กล่าว