รายงาน จากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ. ได้รับรายงานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่า
ในเดือนต.ค.นี้ ปตท.จะต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 40,000-42,000 ตัน จากเดิมที่ ปกติปตท.ต้องนำเข้าแอลพีจีเดือนละ 100,000-180,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ในเดือนต.ค.นี้ ประเทศไทยต้องนำเข้าแอลพีจีรวม ทั้งสิ้น 220,000 ตัน ทำสถิตินำเข้าสูงสุด (นิวไฮด์) ในรอบ ปีนี้เป็นเดือนแรก
ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาสะสมมาจากกรณีฟ้าผ่าอุปกรณ์ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ทำให้ปริมาณแอลพีจีจากโรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 5 ที่เคยป้อนให้กับปตท. ขาดหายไปเดือนละ 75,000 ตัน ทำให้การผลิตแอลพีจีในประเทศไม่เพียงพอเพิ่มมากขึ้นจากปกติ ที่แม้จะมีการนำเข้าในทุกๆ เดือนแล้วก็ตาม จึงต้องเพิ่มปริมาณการนำเข้า ตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นไปต้น และคาดว่าปริมาณการนำเข้าจะทยอยเพิ่มขึ้นไปในทุกๆ เดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไปจนกว่าโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 จะซ่อมแซมแล้วเสร็จ เพราะความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่าง ไรก็ตาม การนำเข้าแอลพีจีที่เพิ่มขึ้นได้ข้อสรุปตรงกัน ว่าจะคิดที่ปริมาณ 40,000 ตันเท่านั้นสำหรับเดือนต.ค.นี้ หรือเทียบเท่ากับ 40 ล้านกิโลกรัม (ก.ก.)
ซึ่งคิดเป็นวงเงินที่ปตท. ต้องรับภาระและต้องเรียกขอเงินชดเชยคืนจากกองทุนน้ำมันฯ คือ 800 ล้านบาท โดยเป็นการคำนวณจากราคานำเข้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 38 บาท/ก.ก. และนำมาขายที่ 18.53 บาท/ก.ก. เท่ากับว่ามีส่วนต่างประมาณ 20 บาท/ก.ก. ขณะเดียวกันในเดือนพ.ย.นี้ ธพ.คาดว่าปตท.อาจต้องนำเข้าแอลพีจีในระดับ 220,000 ตัน/เดือนเช่นกัน และจะมีส่วนต่างเดือนละ 40,000 ตัน เหมือนกับเดือนต.ค.เช่นเดียวกัน โดยราคาตลาดโลก ณ เดือนต.ค. จะเฉลี่ยอยู่ที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ขณะที่เดือนก.ย.นี้อยู่ที่ 841 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสถิติการนำเข้าแอลพีจีของปตท. ประกอบด้วยเดือนม.ค. นำเข้า 92,795 ก.ก. เดือนก.พ. 181,064 ก.ก. เดือนมี.ค. 135,581 ก.ก. เดือนเม.ย. 135,464 ก.ก. เดือนพ.ค. 180,632 ก.ก. เดือนมิ.ย. 183,193 ก.ก. เดือนก.ค. 183,514 ก.ก.
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมสรรพสามิตกล่าวว่า การเรียกคืนภาษีดีเซล 1.50 บาท/ลิตรนั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันผันผวนจากความกังวลในซีเรีย
"หลักการใน การจัดเก็บภาษีน้ำมันจะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จังหวะของการจัดเก็บคือช่วงที่ราคาน้ำมันปรับลดลง ในเมื่อราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงจำเป็นที่จะต้องเลื่อน การจัดเก็บภาษีออกไปก่อน ดังนั้น มีแนวโน้มว่าจังหวะที่ เหมาะสมในการจัดเก็บภาษีอีกครั้งคือในช่วงกลางปีหน้า 2557 ที่ปกติน้ำมันจะถูกสุดในรอบปี" นายทนุศักดิ์กล่าว
อย่างไร ก็ตาม อยากให้กระทรวงพลังงานทำงานมากขึ้น เพราะคลังช่วยในเรื่องภาษีมานานกว่า 2 ปี สูญเงินไปกว่า 2 แสนล้านบาท ดังนั้น ต้องพิจารณาคืนภาษีดีเซลให้คลัง บ้างแล้ว